สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวในช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์พิเศษ กับสถานีโทรทัศน์เอ็มเอสเอ็นบีซี เกี่ยวกับสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2566 และมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 30,000 ราย ว่านายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู “มีสิทธิและความชอบธรรม” ในการใช้อำนาจเพื่อปกป้องอิสราเอลจากกลุ่มฮามาส


อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันเน้นย้ำกับอีกฝ่ายมาตลอด ว่ามีชีวิตของผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องสูญเสียไป เพราะสงครามครั้งนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่อิสราเอลต้องให้ความสำคัญและความจริงจังมากขึ้น เพื่อลดความสูญเสียส่วนนี้ให้ได้มากที่สุด ตอนนี้ นโยบายของเนทันยาฮู เกี่ยวกับการสู้รบและบริบทอื่นที่เกี่ยวข้อง กำลังเป็นการทำร้ายอิสราเอล มากกว่าช่วยเหลืออิสราเอลเสียอีก


เกี่ยวกับแผนการของอิสราเอล ที่จะส่งทหารภาคพื้นดินเข้าสู่เมืองราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุด ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา และมีพรมแดนติดกับอียิปต์ ไบเดนกลับยังคงกล่าวอย่างคลุมเครือ โดยใช้คำว่า “เป็นเส้นแดง” หากอิสราเอลยังคงเดินหน้าตามแผนการ ซึ่งสหรัฐไม่ต้องการให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 30,000 ราย ที่เมืองราฟาห์ แต่ในเวลาเดียวกัน การปกป้องอิสราเอล “มีความสำคัญเช่นกัน”


เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงครั้งใหม่ ซึ่งหลายฝ่ายยังคงเจรจากันนั้น ไบเดนคาดหวังว่า จะเกิดขึ้นได้ในช่วงเดือนรอมฎอน หรือการถือศีลอดของชาวมุสลิม ที่จะเริ่มในวันที่ 10 มี.ค. นี้ กระนั้น ผู้นำสหรัฐกล่าวถึงกลุ่มฮามาส ซึ่งเรียกร้อง “การหยุดยิงถาวร” ว่าเป็นการคาดหวัง โอกาสของการอยู่รอด และการเตรียมกลับมารวมตัวอีกครั้ง

เมื่อผู้ดำเนินรายการซักถามเกี่ยวกับกำหนดการเยือนอิสราเอลครั้งใหม่ หลังเดินทางเยือนมาแล้ว เพียงไม่กี่วันหลังสงครามในฉนวนกาซาปะทุ ไบเดนตอบว่า “ยังคงมีแผนการ” แต่ไม่ได้ขยายความว่า รัฐบาลอิสราเอลเชิญอย่างเป็นทางการแล้วหรือไม่.

เครดิตภาพ : AFP