เมื่อเวลา 02.00 น. นายณัฐชนนท์ คำมา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านหัวทุ่ง ต.ทุ่งผาสุข อ.เชียงคำ จ.พะเยา ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านลูกบ้านในพื้นที่อยู่ไม่ไกล จึงประสานรถดับเพลิงจาก อบต.ทุ่งผาสุข ทต.ฝายกวาง ทต.เวียงและ ทต.เชียงคำ ช่วยเหลือดับเพลิง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ เพลิงไหม้รุนแรง เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำนานกว่า 1 ชม. จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ตรวจสอบพบบ้านถูกเพลิงไหม้เสียหายหมดทั้งหลัง รวมถึงรถจยย.ที่จอดอยู่เสียหายหมดทั้งคัน อีกทั้งขณะเกิดเหตุพบนายบี (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ลูกชายเจ้าของบ้านอยู่ในอาการมึนเมาพูดจาไม่รู้เรื่อง พูดวกไปวนมา อ้างว่าจุดบุหรี่สูบแล้ววางทิ้งไว้ในบ้าน จึงประสานตำรวจพื้นที่ตรวจสอบ

นายณัฐชนนท์ เผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนและญาติๆ กำลังเตรียมงานขึ้นบ้านใหม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุมากนัก อยู่ๆ นางเอ (นามสมมุติ) เจ้าของบ้านวิ่งหน้าตาตื่นมาขอความช่วยเหลือกับตนว่าบ้านถูกไฟไหม้ จึงรีบวิ่งไปดูก่อนโทรศัพท์ติดต่อประสานงานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสยามรวมใจ จุดเชียงคำและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจาก 4 หน่วยงานให้เข้ามาช่วยกันดับไฟดังกล่าว ซึ่งระหว่างนั้นได้เห็นนายบี ลูกชายนางเอ ท่าทางมีพิรุธเดินไปเดินมา พูดจาไม่รู้เรื่อง จึงนำตัวมานั่งสงบสติก่อนสอบถามโดยเจ้าตัวพูดเพียงว่า ก่อนเกิดเพลิงไหม้ได้สูบบุหรี่ และทิ้งก้นบุหรี่เอาไว้ในบ้านจนทำให้เกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว

ผู้ใหญ่บ้าน เผยอีกว่า จากคำให้การของนายบี ตนและชาวบ้านต่างไม่เชื่อ เนื่องจากเพื่อนบ้านใกล้เคียงหลายคนให้ข้อมูลยืนยันว่า นายบี มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องยาเสพติด ทุกครั้งที่เสพยาจะมีอาการคลั่ง เดินไปมารอบๆ บ้าน ตะโกนโวยวายเสียงดัง และบ่นว่าอยากเผาบ้าน ทำให้เพื่อนบ้านกลัว รวมถึง นางเอ แม่ตัวเองด้วย ที่บางครั้งลูกมีอาการก็ต้องหนีไปอยู่บ้านญาติอีกหลัง อีกทั้งระหว่างเกิดเหตุเพลิงไหม้ มีชาวบ้านหลายคนที่มาดูเหตุการณ์ได้ยินนายบี บ่นกับตัวเองเสียงดังออกมาว่า “เสียดายที่ไม่ได้สังหารพ่อแม่ให้ตายไปด้วย” จึงสงสัยว่าเหตุเพลิงไหม้อาจเกิดจากนายบี ที่อยู่ในอาการคลั่ง จึงประสานตำรวจ สภ.เชียงคำ มานำตัวไปสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป