จากกรณีเพจมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ โพสต์คลิปวิดีโอ เป็นภาพสุนัขสีขาวถูกจับมัดขาล่ามไว้กับเสาเหล็ก พร้อมข้อความในลักษณะว่า “หมากัดไก่เจ้าของไก่ตีหมามัดไว้ขู่ฆ่าเรียกเงินห้าหมื่นบาท “จันทร์เจ้า” เป็นหมาไซบีเรียน อยู่บ้านโพธิ์ อำเภอเมือง กาฬสินธุ์ ปีนรั้วออกไปกัดไก่ข้างบ้าน จึงทำร้ายหมาแล้วมัดแขนขาลากเอาไปขังไว้ ขู่จะฆ่าให้ตาย พร้อมเรียกเงิน 50,000 บาท”


ทั้งนี้จากการลงพื้นที่พบเป็นเหตุการณ์สุนัขบุกเข้าไปกัดเป็ดชาวบ้านกลางดง ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ตายหลายตัว โดยจากการสอบถามทั้งสองฝ่าย ด้านเจ้าของเป็ดระบุว่า เป็ดถูกสุนัขกัดตายไปกว่า 200 ตัว จึงเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท และยืนยันว่าไม่ได้ลากหรือทำร้ายสุนัข เพียงจับมัดไว้เพราะถูกกัด ขณะที่เจ้าของสุนัข ระบุว่า สุนัขหลุดไปกัดเป็ดตายเพียง 34 ตัวเท่านั้น พร้อมชดใช้ค่าเสียหายตามความเป็นจริง ซึ่งข้อมูลเป็นหนังคนละม้วน จนกลายเป็นกระแสดราม่า

ล่าสุดเวลา 14.00 น. วันที่ 12 มี.ค. พ.ต.อ.อิทธิเดช สุนทร ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ มอบหมายให้ พ.ต.ท.สุเทพ ภูกัณหา รองผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ ร.ต.อ.พิชัย กงทิพย์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร้อยเวรเจ้าของคดีได้นัดนายธวัชชัย วรแสน อายุ 58 ปี นางประหยัด วรแสน อายุ 60 ปี สองสามีภรรยาชาวบ้านกลางดง หมู่ 10 ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นเจ้าของสุนัข และนางสถิตย์ ถิตย์ฤทธิ์ อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของเป็ด คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยไกล่เกลี่ยเจรจากันที่ห้องประชุมศปก.ของสภ.เมืองกาฬสินธุ์ หลังจากวันเกิดเหตุ วันที่ 8 มีนาคมที่ผ่าน ทั้งสองฝ่ายได้มีการพูดคุยกันเบื้องต้นแล้วรอบหนึ่ง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากเจ้าของเป็ดต้องการเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000 บาท แต่ในส่วนของเจ้าของสุนัข ยืนยันจะจ่ายให้ 5,000 บาท อีกทั้งฝ่ายเจ้าของเป็ดยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี เพราะต้องเข้าไปตรวจสอบความเสียหายจำนวนเป็ดที่ตายให้ละเอียดเสียก่อน

โดยการพูดคุยเจรจาวันนี้ยังมีกำนันตำบลห้วยโพธิ์ และผู้นำหมู่บ้าน เข้ามาร่วมรับฟังด้วย ซึ่งการพูดคุยทั้งสองฝ่ายต่างพากันโต้เถียงกันไปมา โดยเฉพาะเรื่องจำนวนเป็ดที่ถูกสุนัขกัดตาย ซึ่งนางสถิตย์ ถิตย์ฤทธิ์ เจ้าของเป็ด ยืนยันว่า เป็ดของตัวเองถูกสุนัขกัดตายจำนวน 200 ตัว ส่วนใหญ่เป็นเป็ดที่กำลังจะออกไข่ให้ผลผลิตออกขาย นอกจากนี้ยังมีพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ไก่ด้วย จึงต้องการเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท ซึ่งหากไม่ยอมชดใช้ตามนี้ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของนายธวัชชัย วรแสน เจ้าของสุนัขก็ยืนยันว่าวันเกิดเหตุเห็นหลักฐานเป็ดตายเพียง 34 ตัว และเห็นสุนัขถูกจับมัดขาไว้และลากมาผูกกับเสา ซึ่งตนก็พร้อมชดใช้ตามความเป็นจริง และวันนี้ยอมจ่ายได้ไม่เกิน 1 หมื่นบาท แต่ก็ตกลงกันไม่ได้ ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้แม้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามไกล่เกลี่ยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง แต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้ทั้งสองฝ่ายจึงปล่อยให้เป็นไปตามขบวนการของกฎหมาย และไปสู้คดีกันในชั้นศาลต่อไป

ด้าน ร.ต.อ.พิชัย ร้อยเวรเจ้าของคดี ระบุว่า วันนี้ทางตำรวจได้นัดให้ทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยเจรจากัน พยายามหาข้อสรุปในเรื่องความเสียหายทางแพ่ง แต่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ ทางพนักงานสอบสวนก็จะต้องดำเนินการฟ้องร้องค่าเสียหายในสำนวนการสอบสวนตามกฎหมายต่อไป และผู้เสียหายต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็ดตายทั้งหมดกี่ตัว

ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวยังถือเป็นคดีอาญา ในส่วนของการดำเนินการนั้น เบื้องต้นพบว่าสุนัขได้เข้าไปกัดเป็ดตายจริง เรื่องนี้อาจเข้าข่ายความผิด ข้อหาฐานปล่อยปละละเลยให้สัตว์ดุหรือสัตว์ร้ายนั้นเที่ยวไปโดยลำพังในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหลังจากพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง และรวบรวมพยานหลักฐานจะเรียกเจ้าของสุนัขมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในส่วนกรณีเจ้าของเป็ดที่จับสุนัขมัดขาผูกไว้กับเสานั้น จะต้องตรวจสอบพยานหลักฐานว่า เป็นการกระทำผิดโดยการทารุณกรรมสัตว์หรือไม่ แต่เท่าที่สอบถาม เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายสุนัข แต่เป็นการจับตัว และมัดไว้ เพราะกำลังกัดเป็ด และกัดสามี ซึ่งหากพิสูจน์ได้ว่าเป็นการจับตัวมัดขาไว้เพื่อหยุดความเสียหาย และไม่ได้มีการทำร้ายหรือทรมาน ก็อาจจะไม่เข้าข่ายการทารุณกรรมสัตว์.