นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปัญหางบประมาณปี 67 จะล่าช้าออกไปเป็น เม.ย.-พ.ค. ต้องการเสนอต่อภาครัฐ 4 แนวทาง เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไปได้  ได้แก่

1.ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมืองรอง อยากให้ทำต่อเนื่องเพื่อให้การท่องเที่ยวต่างชาติบรรลุเป้า 29 ล้านคน

2.เสนอให้ภาครัฐต่ออายุมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง โดยตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร และตรึงราคาก๊าซหุงต้มที่ราคา 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.นี้ เนื่องจากขณะนี้ประชาชนมีค่าครองชีพที่สูงอยู่ หากต้องปรับราคาขึ้น ราคาสินค้าจะขึ้นตามมา จะยิ่งซ้ำเติมประชาชนและเศรษฐกิจ

3.ยังมีเงินสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจัดจ้างผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เป็นไม่น้อยกว่า 50% ของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะในหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น

4.ต้องการให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยต่างไปจากประเทศอื่นโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา เนื่องจากไทยเองประชาชนโดนยึดรถ ยึดบ้านจากปัญหาดอกเบี้ยที่สูง ธุรกิจต้องแบกรับภาระต้นทุนดอกเบี้ยทางการเงินที่เพิ่มขึ้น กนง.จึงควรตอบโจทย์ภาวะเศรษฐกิจของไทยให้มาก จึงอยากจะขอวอนให้ได้พิจารณาเพื่อลดค่าครองชีพ และช่วยเหลือธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอี

ส่วนผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.พ. ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 90.0 ปรับลดลง จาก 90.6 ในเดือน ม.ค. 67 เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงต่อเนื่อง  ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 100.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 98.4 ในเดือน ม.ค. เป็นผลจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ

นายพิตติพัตน์ มั่นบุปผชาติ รองเลขาธิการ ส.อ.ท. กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯ ก.พ.ที่ลดจากปัจจัยลบ อุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัวลงจากค่าครองชีพและปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงทำให้ประชาชนลดการใช้จ่าย ส่งออกชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ยังอ่อนแอ ปัญหาความขัดแย้งบริเวณทะเลแดง ยังคงยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อการนำเข้า-ส่งออกของไทยโดยเฉพาะตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังเผชิญปัญหาการแข่งขันด้านการตลาดสูงขึ้น รวมถึงได้รับผลกระทบจากสินค้าราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ ทำให้ยอดขายลดลงแต่มีปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และผลจากมาตรการยกเว้นวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวจีน คาซัคสถาน อินเดียและไต้หวัน รวมถึงมาตรการอีซี่ อี–รีซีฟ  ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ และมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 67 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 67 ส่งผลดีต่อภาคธุรกิจ

“ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งจากปรากฏการณ์เอลนีโญ อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบในภาคเกษตรและปริมาณน้ำในภาคอุตสาหกรรม”