นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมระดมความคิดเห็น “IGNITE THAILAND’S TOURISM” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน เข้าร่วมรับฟัง โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดการประชุมระดมความเห็น ว่า ปี 68 จะเป็นปีที่ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จากนโยบายหลากหลายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ภาคการท่องเที่ยวถือเป็น 1 ใน 3 เรือธงที่สำคัญที่สุด

โดยรัฐบาลได้เดินหน้าประกาศนโยบายยกเว้นวีซ่าหรือฟรีวีซ่า เช่น การจัดทำข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทย-จีน ยกเว้นวีซ่าการท่องเที่ยวอย่างถาวรระหว่างกัน และแน่นอนว่าการเจรจาขอให้สหภาพยุโรปหรืออียู ยกเว้นวีซ่าเชงเก้นให้คนไทยก็ไม่ใช่ความฝัน โดยจากบรรยากาศการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้รับการสนับสนุนที่ดี

ขณะเดียวกันยังมีการอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบิน รวมถึงฝั่งซอฟต์แวร์อย่างการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงก้าวสุดท้ายที่เดินทางออกจากประเทศไทย มอบประสบการณ์อย่างประทับใจสูงสุด ซึ่งจากการได้ไปต่างประเทศครั้งล่าสุด ได้ดึงการแข่งขันฟอร์มูล่า วัน กับ ฟอร์มูล่า อี มาจัดในไทย นอกจากนี้ ยังได้พูดคุยกับทางด้านสหพันธ์แฟชั่นของฝรั่งเศส เพื่อดึงงานแฟชั่นโชว์ระดับโลกด้วย

ส่วนการดึงแบรนด์เนมชื่อดังมาจัดป๊อปอัพ-สโตร์ ก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยทางด้านกลุ่ม LVMH เจ้าของลักชัวรีแบรนด์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกก็สนใจมาจัดป๊อปอัพ-สโตร์ในจังหวัดต่างๆ ไม่ใช่แค่ภูเก็ตอย่างเดียว สำหรับการลงทุนและการสนับสนุนเงินก็ต้องมีบ้าง แต่ต้องคุ้มค่าจริงๆ จากการที่ประเทศไทยมีศักยภาพด้านวัฒนธรรมและซอฟต์พาวเวอร์ที่ดีอยู่แล้ว สามารถดึงออกมาใช้ได้ โดยอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมภาคท่องเที่ยวคิดนอกกรอบ ควบคู่กับการดูแลเงินภาษีของพี่น้องประชาชนไปด้วย

“การจัดเวิร์กช็อประดมมันสมองจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในครั้งนี้ เพื่อเป้าหมายสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับภาคการท่องเที่ยวไทยในปี 68 ให้เริ่มวางแนวทางโปรโมตตั้งแต่ปลายนี้เป็นต้นไป” นายกฯ กล่าว

น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ประเทศไทยมีจุดเด่นทางการท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งที่ได้เผยโฉมให้ชาวโลกได้รับรู้แล้ว และอีกมากมายที่ยังรอการค้นหาและพร้อมปะทุออกมาให้ชาวโลกได้สัมผัส โดยการระดมสมองครั้งนี้ เราจะผลักดัน 5 ประเด็นสำคัญ คือ ประเด็นแรก Things must do in Thailand โดยการมัดใจนักท่องเที่ยวต่างชาติให้คิดถึงประเทศไทยเป็นประเทศแรก เพราะประเทศไทยมีความร่ำรวยทางวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตที่น่าสนใจ ทั้งอาหารไทย มวยไทย ผ้าไทย วัดไทย และโชว์ศิลปวัฒนธรรมไทย

ประเด็นที่สองจุดพลังเมืองหลักชูเมืองรอง โดยการผลักดันทุกเมืองให้เป็นเมืองท่องเที่ยวได้ทั้ง 365 วัน ยกระดับเมืองรองให้เป็นจุดท่องเที่ยวมากขึ้นโดยเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวเมืองหลักสู่เมืองรอง ส่งต่อและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ประเด็นที่สามการยกระดับ World Class Events เพื่อเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางกลุ่มไมซ์ ไม่ว่าจะเป็นเตรียมความพร้อมของสนามกีฬาขนาดใหญ่ ศูนย์การประชุม ศูนย์การจัดแสดงสินค้าที่มีมาตรฐานและศักยภาพในการรองรับการจัดงานอีเวนต์ระดับโลก ซึ่งการจัดมหกรรมในระดับ World Class Events จะสร้างรายได้ให้กับทุกภาคส่วน และกระจายลงสู่ระดับภูมิภาค ท้องถิ่น และชุมชนอย่างทั่วถึง

ประเด็นที่สี่ประสานพลัง ASEAN Connectivity การเชื่อมแบบไร้รอยต่อการจะหาวิธีการเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน จับมือกับประเทศพันธมิตรในระดับภูมิภาค โดยใช้ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย สร้างความเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมทั้งทางน้ำ ทางบก ราง และทางอากาศ เพื่อรวมการท่องเที่ยวในภูมิภาคให้เป็นหนึ่งเดียว โดยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลักต้อนรับนักท่องเที่ยว

ประเด็นที่ห้าการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวการก้าวเข้าสู่ความเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การสร้างประสบการณ์และความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว เพราะความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เป็นปัจจัยแรกในการตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว