สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ว่ากระทรวงพลังงานสหรัฐออกแถลงการณ์ ว่ามีการปล่อยน้ำมันสำรองออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (เอสพีอาร์) ประมาณ 274 ล้านบาร์เรล ระหว่างเดือนก.ย. 2564 ถึงก.ค. 2566 ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในเอสพีอาร์ลดลงสู่ระดับต่ำที่สุด ในรอบ 40 ปี


ทั้งนี้ รัฐบาลวอชิงตันเริ่มการซื้อน้ำมันกลับคืนเข้าสู่เอสพีอาร์เมื่อเดือนมิ.ย. 2566 เพื่อรักษาโอกาสให้กับผู้บริโภคชาวอเมริกัน และเพื่อฟื้นฟูความมั่นคงทางพลังงานให้กลับคืนสู่สหรัฐ และภายในเวลา 9 เดือนหลังจากนั้น ปริมาณน้ำมันดิบในเอสพีอาร์เพิ่มขึ้นประมาณ 14.7 ล้านบาร์เรล เป็นประมาณ 362 ล้านบาร์เรล และกระทรวงพลังงานกำหนดเป้าหมายซื้อน้ำมันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เอสพีอาร์เต็มอีกครั้งภายในสิ้นปีนี้


สำหรับคลังน้ำมันดิบสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงพลังงาน ก่อสร้างหลังวิกฤติพลังงานโลก เมื่อปี 2516 ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งรัฐเทกซัส รัฐลุยเซียนา และอีกหลายรัฐตามแนวชายฝั่งตะวันออกไปจนถึงตอนใต้ เก็บทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน


ในส่วนของน้ำมันดิบ เคยมีปริมาณการเก็บสูงสุดถึง 600 ล้านบาร์เรล แต่เมื่อสงครามในยูเครนปะทุ เมื่อเดือนก.พ. 2565 รัฐบาลวอชิงตันปล่อยน้ำมันสำรองออกมาปริมาณมาก เพื่อบรรเทาปัญหาเรื่องค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งเป็นผลจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และการที่สหรัฐคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียด้วย.

เครดิตภาพ : AFP