สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ว่า นางเพนนี หว่อง รมว.การต่างประเทศออสเตรเลีย ต้อนรับและพบหารือกับนายหวัง อี้ รมว.การต่างประเทศจีน ที่กรุงแคนเบอร์รา เมื่อวันพุธ โดยนับเป็นการเยือนออสเตรเลียในรอบ 7 ปี ของหวัง หรือนับตั้งแต่ปี 2560


หวังกล่าวว่า ความพยายามของทั้งสองฝ่ายในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ สามารถ “ทลายกำแพงน้ำแข็ง” แล้วนำไปสู่การเสริมสร้างความเชื่อมั่น อย่างค่อยเป็นค่อยไป จีนหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะสามารถแสวงหาจุดยืนร่วมกับออสเตรเลีย ในเวลาเดียวกับที่มีการประสานความต่างร่วมกัน


ขณะที่หว่องกล่าวว่า ออสเตรเลียมีความยินดี ที่ความพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับจีน คืบหน้าไปได้อย่างมากภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี อย่างไรก็ตาม รัฐบาลแคนเบอร์รามีความวิตกกังวล เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในจีน

โดยเฉพาะกรณีศาลจีนมีคำพิพากษา เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ให้นายหยาง จวิน นักวิชาการชาวออสเตรเลียเชื้อสายจีน ซึ่งอยู่ในเรือนจำที่จีนตั้งแต่ปี 2562 ในข้อหาจารกรรม รับโทษประหารชีวิต แต่ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี โดยในทางทฤษฎีหมายความว่า หากในระหว่างนี้ไม่มีการกระทำความผิดใดเพิ่มอีก บทลงโทษจะเปลี่ยนไปเป็นการจำคุกตลอดชีวิตแทน

นางเพนนี หว่อง พบหารือกับนายหวัง อี้ ที่กรุงแคนเบอร์รา เมืองหลวงของออสเตรเลีย


ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับออสเตรเลียเริ่มเสื่อมถอย เมื่อปี 2561 จากความขัดแย้งเรื่องเทคโนโลยี 5จี ที่พัฒนาโดยบริษัทหัวเว่ย ตามด้วยข้อพิพาทเกี่ยวกับที่มีของโรคโควิด-19 และการขับเคี่ยวช่วงชิงอิทธิพลกันอีกหลายด้านในภูมิภาคหมู่เกาะแปซิฟิกตอนใต้ ส่งผลให้จีนใช้มาตรการกำแพงภาษี และระงับนำเข้าสินค้าหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นถ่านหิน เนื้อวัว ไวน์ และข้าวบาร์เลย์


แม้รัฐบาลปักกิ่งผ่อนคลายมาตรการแทบทั้งหมดแล้วในเวลาต่อมา ซึ่งเป็นผลจากการเจรจาระดับทวิภาคีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเหลือในส่วนของไวน์ กระนั้น หว่องกล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งจะตัดสินใจ “ช่วงสิ้นเดือน มี.ค. นี้” ถือเป็นสัญญาณเบื้องต้น ว่าจีนจะผ่อนคลายมาตรการที่เกี่ยวข้องกับไวน์จากออสเตรเลีย ภายในอีกไม่ช้า.

เครดิตภาพ : AFP