ตลาดหุ้นไทยวันนี้ 22 มี.ค. เปิดตลาดในช่วงเช้าอยู่ในแดนลบ โดยเมื่อเวลา 10.17 น. ตลาดหุ้นไทย SET ดัชนีอยู่ที่ 1,387.10 จุด ปรับลดลง -0.52 จุด หรือ -0.04% ก่อนจะพลิกกลับมาบวก 1.31 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,388.93 จุด เมื่อเวลา 10.24 น.

“บล.อินโนเวสท์ เอกซ์” ประเมินแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET ยังมี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1,390 จุด และบริเวณแนวต้านสำคัญ 1,400 จุด ซึ่งการปรับขึ้นทดสอบก่อนหน้าในหลายครั้ง ดัชนียังไม่สามารถขึ้นทะลุผ่านได้ ดังนั้นให้ใช้เป็นจุดติดตาม หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อในภาพรวม ด้านแนวรับอยู่ที่ 1,375 จุด และ 1,370 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
• วานนี้ (21 มี.ค.) ยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท Rosneft ในรัสเซีย ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำมัน 17.1 ล้านตันต่อปี เป็นการโจมตีต่อเนื่องวันที่ 2 ก่อนที่การเลือกตั้ง ปธน.รัสเซีย จะเริ่มขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้
• EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9 แสนบาร์เรล ส่วนสต๊อกน้ำมันเบนซินลดลง 5.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาดว่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
• สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติผ่านร่างกฎหมายให้ ByteDance ขายกิจการ TikTok ภายใน 6 เดือน มิฉะนั้น TikTok จะถูกแบนจากสหรัฐ
• ก.ล.ต. ของอินเดีย (Sebi) ระบุมีสัญญาณบ่งชี้ภาวะฟองสบู่ในหุ้นกลุ่มที่มีมูลค่าขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) พร้อมเสริมจะออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทในกลุ่ม SME
• ธปท. ออกมาตรการแก้ปัญหาหนี้เรื้อรัง เน้นช่วยลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลประเภทวงเงินหมุนเวียน ปิดจบหนี้ภายใน 5 ปี ดอกเบี้ยไม่เกิน 15% เริ่ม 1 เม.ย. นี้
• ส.อ.ท. ระบุผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ก.พ. ลดลงจาก ม.ค. จากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย ด้านการส่งออกยังชะลอตัวเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ายังอ่อนแอ โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่น
• วานนี้ (21 มี.ค.) ราชกิจจาฯ ประกาศ กทม. จ่ายหนี้ BTS ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 2.3 หมื่น ล้านบาท มีผล 13 มี.ค. 67

กลยุทธ์การลงทุน : ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนในกรอบ โดยยังมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,400 จุด หลังในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ชี้นำ ขณะที่มองว่าตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศที่จะประกาศสัปดาห์นี้ อาทิ ยอดค้าปลีกของสหรัฐ จะยังอ่อนแอ ขณะที่ GDP 4Q66 ของญี่ปุ่น ออกมาแย่กว่าตลาดคาด และดัชนี CPI (เงินเฟ้อ) ก.พ. ของสหรัฐ ออกมาสูงกว่าตลาดคาด สร้างแรงกดดันต่อความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”