สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ว่า ตั้งแต่วันเสาร์นี้เป็นต้นไป (23 มี.ค.) การขอวีซ่าสำหรับนักเรียนและนักศึกษาจบใหม่ จะมีข้อกำหนดด้านภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น และรัฐบาลแคนเบอร์รา จะได้รับอำนาจในการระงับผู้ให้บริการด้านการศึกษา จากการรับนักศึกษาต่างชาติ หากพวกเขาฝ่าฝืนกฎซ้ำหลายครั้ง

“การดำเนินการในช่วงสุดสัปดาห์นี้ จะผลักดันระดับการอพยพให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการปฏิบัติตามพันธกรณีของพวกเรา ในกลยุทธ์การย้ายถิ่นฐาน เพื่อแก้ไขระบบที่เสียหาย” นางแคลร์ โอนีล รมว.มหาดไทยของออสเตรเลีย กล่าวในแถลงการณ์

นอกจากนี้ รัฐบาลแคนเบอร์รา จะใช้แบบทดสอบความเป็นนักเรียน (จีเอสที) ฉบับใหม่ เพื่อจัดการกับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการมายังออสเตรเลียเพื่อทำงานเป็นหลัก ตลอดจนกำหนดเงื่อนไข “การไม่อยู่ต่อ” กับวีซ่านักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย

อนึ่ง ความเคลื่อนไหวดังกล่าว เกิดขึ้นหลังรัฐบาลออสเตรเลียดำเนินการหลายอย่างเมื่อปีที่แล้ว เพื่อยกเลิกสิทธิในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เช่น การไม่จำกัดชั่วโมงทำงานของนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งรัฐบาลในเวลานั้นกล่าวว่า กฎระเบียบการขอวีซ่า สำหรับนักเรียนต่างชาติ จะเข้มงวดยิ่งขึ้น และอาจทำให้จำนวนผู้อพยพลดลงครึ่งหนึ่ง ในอีก 2 ปีข้างหน้านี้

แม้ออสเตรเลียรับผู้อพยพประจำปีเพิ่มขึ้น เมื่อปี 2565 เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในธุรกิจหลักของประเทศ หลังเกิดการระบาดใหญ่ แต่ความเคลื่อนไหวข้างต้น กลับทำให้การควบคุมชายแดนเข้มงวดยิ่งขึ้น รวมถึงป้องกันไม่ให้นักเรียนและคนงานชาวต่างชาติ ออกนอกประเทศเป็นเวลาเกือบ 2 ปี

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติออสเตรเลีย แสดงให้เห็นว่า จำนวนผู้อพยพสุทธิเพิ่มขึ้น 60% เป็น 548,000 คนในระยะเวลา 1 ปี โดยนับถึงวันที่ 30 ก.ย. 2566 ซึ่งโดยรวมแล้ว ประชากรของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 2.5% เป็น 26.8 ล้านคน ในช่วงเวลาข้างต้น นับเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์.

เครดิตภาพ : AFP