สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ว่า การตัดสินดังกล่าวถือเป็นกรณีล่าสุด ของการสอบสวนต่อต้านการทุจริต โดยมีผู้ถูกฟ้องมากกว่า 4,000 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ และนักธุรกิจชั้นนำของเวียดนาม ในคดีรับสินบนเกือบ 2,000 คดี นับตั้งแต่ปี 2564

ศาลประชาชนกรุงฮานอย มีคำพิพากษาจำคุกนายโด๋ อันห์ สุง ประธานบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ “ทัน หว่าง มินห์” เป็นเวลา 8 ปี ฐานฉ้อโกง ส่วนนายโด๋ หว่าง เวียด บุตรชายของเขา ก็ถูกตัดสินจำคุก 3 ปีเช่นกัน ขณะที่จำเลยอีก 13 คน ได้รับโทษจำคุกสูงสุด 2 ปีครึ่ง

อนึ่ง สุง และจำเลยร่วมของเขา ถูกกล่าวหาว่า รับเงิน 355 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างผิดกฎหมาย ในการขายตราสารหนี้ให้กับนักลงทุนมากกว่า 6,630 คน ซึ่งคณะลูกขุนประเมินว่า อาชญากรรมของฝ่ายจำเลยมีความร้ายแรงเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิการเป็นเจ้าของทรัพย์สินของบุคคลอื่นโดยตรง

ก่อนหน้านี้ สื่อของรัฐในเวียดนามรายงานว่า ในช่วงเดือน ม.ค. 2565 บริษัท ทัน หว่าง มินห์ ประสบปัญหาหนี้สิน 810 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 30,000 ล้านบาท) เนื่องจากโครงการที่ชะงักงัน และผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ฝ่ายจำเลยขายตราสารหนี้เพื่อระดมทุน โดยให้สัญญากับนักลงทุนจำนวนมากว่า จะได้รับผลตอบแทนสูง แต่กลับยักยอกเงินจำนวนนั้นในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม สื่อของรัฐรายงานเพิ่มเติมว่า สุง และบุตรชายของเขา คืนเงิน 355 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ยักยอกมาแล้ว.

เครดิตภาพ : AFP