นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พร้อมด้วย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ IGNITE TOURISM THAILAND เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Tourism Hub ตามนโยบายของรัฐบาล โดยก่อนที่นายกฯ จะขึ้นกล่าวบนเวที รมว.การท่องเที่ยวฯ ได้นำเสนอรายละเอียดของแผนการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว เป็นเวลาเกือบ 30 นาที และเมื่อรายงานเสร็จ นายกฯ ได้เดินขึ้นมากล่าวบนเวที พร้อมทั้งอุทานว่า ว้าว! และชื่นชมการแถลงของรมว.การท่องเที่ยวฯ ที่มีความชัดเจนในหลาย ๆ เรื่อง โดยขอให้คะแนน 10 เต็ม 10

นายเศรษฐา กล่าวว่า รัฐบาลหวังว่าจะผลักดันให้การท่องเที่ยวไทยสู่การเป็น Tourism Hub ของภูมิภาค โดยเรื่องนี้ถือเป็น 1 ใน 8 องค์ประกอบของเป็นจิ๊กซอสำคัญประเทศไทย เพื่อพร้อมต้อนรับท่องเที่ยวจากทั่วโลก ผ่าน 5 กลยุทธ์สำคัญ ตั้งแต่การต้อนรับนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงประเทศ ไปจนถึงก้าวสุดท้ายก่อนเดินทางกลับด้วยความประทับใจ ทั้งนี้รัฐบาลยังมั่นใจว่า ภายในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า จะมีเวิลด์ อีเวนต์ ทยอยมาเปิดตัวในประเทศไทยต่อเนื่อง รวมถึงประเทศไทยเป็นผู้นำในแถบซีแอลเอ็มอี (กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา และเวียดนาม) จึงพร้อมเป็นตัวเชื่อมศูนย์กลางการท่องเที่ยว ยกระดับอาเซียนไปสู่ระดับโลกให้ได้ รวมทั้งยังช่วยเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัว และขยายวันพักของนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

ด้าน น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 1 เม.ย. 67 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ 9.4 ล้านคน ขยายตัว 42% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 66 ด้วยเพราะประเทศไทยมีเอกลักษณ์ และคนไทยมีน้ำใจไมตรี ไม่เหมือนชาติใดในโลก พร้อมยังตั้งเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้ ให้ได้ถึง 3.5 ล้านล้านบาท โดยจะต้องปักหมุดการท่องเที่ยวในปีหน้าให้ปังกว่าเดิม

ทั้งนี้เพื่อพาประเทศไปสู่ความสดใส และความสุข เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว สอดรับกับการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Thailand’s Aviation Hub ที่จะรองรับผู้เดินทางได้มากถึง 150 ล้านคนต่อปีในปี 73 และกระทรวงการท่องเที่ยว ยังได้ระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนผ่านเวที Workshop IGNITE Thailand’s Tourism

โดยจุดพลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วยแนวคิดอัพเวลผ่านประสบการณ์ที่เหนือกว่า, แอด สตอรี่ เพิ่มเรื่องราวมากกว่าที่เคยสัมผัส และครีเอทีฟ แวลู สร้างมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากความเป็นไทย ผ่าน 5 กลยุทธ์หลักมัดใจนักท่องเที่ยวให้ปี 68 เป็นปีที่นักท่องเที่ยวจะประทับใจในทุกย่างก้าว ประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ 1 การยกระดับประสบการณ์ โดยโปรโมทการท่องเที่ยวไทยในทุกมิติ และสร้างความประทับใจตลอดทริปด้วยการสร้างการรับรู้

ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยก่อนการเดินทาง ให้ข้อมูลครบถ้วนหลากหลาย ทำโปรโมชันกับพันธมิตรให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงได้ในทุกมิติ และระหว่างการเดินทาง จะให้ข้อมูลสำคัญกับนักท่องเที่ยวตั้งแต่บนเครื่องบิน เพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการในสนามบิน และสร้างความประทับใจด้วยมัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยวที่มีมาตรฐาน ความพร้อมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกสถานที่

รวมทั้งสร้างความน่าสนใจของเส้นทางการท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดและพร้อมรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มโดยเฉพาะผู้พิการและผู้สูงอายุ (Tourism for All) และสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงด้วย 1155 Call Center ซึ่งจะเป็น one-stop service เชื่อมต่อตำรวจท้องที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยกระดับ UCEP ในการคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตให้ครอบคลุมนักท่องเที่ยว

โดยในระยะเวลา 3 เดือนจะอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องรอคิวนานที่สนามบิน ยกระดับมาตรฐานโรงแรมทั่วประเทศพร้อมโปรโมชั่นที่พัก เปิดมาตรการฟรีวีซ่าให้หลากหลายประเทศ ยกระดับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และดูแลความสะอาดห้องน้ำสาธารณะ ส่วนในระยะเวลา 6 เดือนจะปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ การกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม กฎหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การจัดเก็บภาษีนำเข้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมระดับโลกให้แล้วเสร็จ และอำนวยความสะดวกให้มี VAT Refund ในหลายจุด และผ่านตู้ Kiosk รวมถึงสร้างความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า โดยเป้าหมายดังกล่าวข้างต้น ภายใน 3 เดือนนักท่องเที่ยงจะไม่ต้องรอนาน และมีประเทศที่ฟรีวีซ่ามากขึ้น มีแอปพลิเคชันสำหรับนักท่องเที่ยว ปรับกรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

กลยุทธ์ที่ 2 การชูเอกลักษณ์ไทย หรือ เสน่ห์ไทย ด้วยการนำเสนอเรื่องราว และเพิ่มมูลค่าด้วยการนำจุดแข็งทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมมาเป็นจุดขาย ได้แก่ Must Beat มวยไทย เปิดประสบการณ์แม่ไม้มวยไทย 4 ภาค และต่อยอดมวยไทยสู่การออกกำลังกายแบบ Cardio ในฟิตเนส, Must Eat อาหารไทย ต่อยอดครัวไทยสู่ครัวโลก พร้อมนำเสนอ 77 อาหารถิ่น 77 ขนมไทย ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของคนในแต่ละพื้นที่, Must Seek วัฒนธรรมไทย สร้าง Story บนเส้นทางศรัทธา เพื่อดึงดูดความสนใจ รวมถึงวัฒนธรรมสายมูที่กำลังโด่งดัง เช่น การสักยันต์ , Must Buy ผ้าไทย ร่วม Co-branding กับแฟชั่นดีไซเนอร์ระดับโลก ให้ผ้าไทยเป็น Fashion Item ที่ทุกคนหลงใหล และ Must See โชว์ไทย นำเสนอทั้งรูปแบบไทยและ Thai Contemporary ให้เป็นที่ประทับใจของคนทั่วโลก เช่น โขน, อาคาซ่า, คาบาเร่โชว์

กลยุทธ์ที่ 3 เมืองหลัก และเมืองน่าเที่ยว เชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองใกล้เคียง กระจายนักท่องเที่ยวไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ พร้อมทั้งกระจายรายได้สู่เมืองน่าเที่ยว อาทิ เส้นทาง Lanna Culture เชียงใหม่ – ลำพูน – ลำปาง ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ อารยธรรมล้านนา นำเสนอศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิตและประเพณีที่ถ่ายทอดผ่านสถาปัตยกรรม โบราณสถาน เส้นทาง UNESCO Heritage Trail มรดกไทย มรดกโลก ผ่านเส้นทางสุโขทัย-กำแพงเพชร และ นครราชสีมา เส้นทาง NAGA Legacy นครพนม สกลนคร บึงกาฬ ตามรอยตำนานศรัทธาพญานาค เส้นทาง Paradise Islands ตรัง-สตูล หมู่เกาะแห่งอันดามันใต้ สวรรค์แห่งท้องทะเล เส้นทาง The Wonder of Deep South ปัตตานี – ยะลา – นราธิวาส ใต้สุดแห่งสยาม มนต์เสน่ห์แห่งพหุวัฒนธรรม โดยจะต้องจัดเตรียมความพร้อม Upgrade ที่พักให้มีความสะดวกสบาย และร้านอาหารที่ได้มาตรฐาน พร้อม Update แพ็คเกจการเดินทางและโปรโมชันให้ตอบโจทย์ทุกเส้นทาง รวมทั้ง Accommodate เส้นทางในการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่

กลยุทธ์ที่ 4 Hub of ASEAN โดยเปิดประตูการท่องเที่ยวสู่อาเซียนให้สามารถเชื่อมโยงการเดินทางกับประเทศเพื่อนบ้านพันธมิตรให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานให้การเดินทางท่องเที่ยวประเทศอาเซียนเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ด้วยอาเซียนพาส กลยุทธ์ที่ 5 เวิลด์ คลาส อีเวนต์ ฮับ โดยให้เมืองไทยเป็นศูนย์รวม World Class Experience จากการนำ Event ระดับโลกเข้ามาจัดแสดงในประเทศ ทั้งด้านดนตรี กีฬา อาหาร และไลฟ์สไตล์ Single Destination ด้วย ASEAN Pass จากความร่วมมือของพันธมิตรสายการบินในการออกแพ็คเกจตั๋วเครื่องบินให้นักท่องเที่ยวเดินทางเชื่อมต่อไปประเทศอาเซียน ด้วยความสะดวกสบาย ประหยัด และ Cross Border QR Payment อำนวยความสะดวกเรื่องช่องทางการชำระเงินให้นักท่องเที่ยวสามารถใช้จ่ายได้อย่างสะดวกสบาย

กลยุทธ์ที่ 5 World Class Event Hub โดยให้เมืองไทยเป็นศูนย์รวม World Class Experience จากการนำ Event ระดับโลกเข้ามาจัดแสดงในประเทศ ทั้งด้านดนตรี กีฬา อาหาร และไลฟ์สไตล์ อาทิ Summer Sonic Bangkok 2024, KAWS Arts, Moto GP, Volleyball World Championship เป็นต้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับประเทศ

น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า 5 กลยุทธ์ข้างต้น จะช่วยจุดพลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย “IGNITE TOURISM THAILAND” สู่ Tourism Hub ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น พำนักในประเทศไทยนานขึ้น และใช้จ่ายมากขึ้น ให้ประเทศไทยเป็นที่หนึ่งของการท่องเที่ยว ด้วยความร่วมมือร่วมใจจากคนไทยทุกภาคส่วน