นายอุทัย  อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แสนสิริ เปิดเผยว่า  บริษัทสามารถสร้างยอดขายไตรมาสแรกของปี 2567 ได้สูงถึง 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 8,000 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 4,000 ล้านบาท และคิดเป็น 23% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่วางไว้ 52,000 ล้านบาท

ความสำเร็จจากความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริมากว่า 40 ปีจากการเป็นหนึ่งในผู้นำบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของไทย ที่มุ่งมั่นในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำผู้นำแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้านในด้านการพัฒนาโปรดักส์ และการวางกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง ตอบโจทย์และตรงใจกับความต้องการของผู้บริโภคในทุกเซกเมนต์ทั้งดีไซน์ ฟังก์ชัน คุณภาพ ตลอดจนการบริการที่ตอกย้ำจุดยืนที่แตกต่างด้วย Never Ending Service ดูแลคุณไม่สิ้นสุด ครอบคลุมทุกช่วงของการอยู่อาศัย

พร้อมมุ่งนำเสนอไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มากกว่า ตลอดจนส่งมอบมาตรฐานการดูแลเพื่อชีวิตดี ๆ ให้กับทุกคนในทุกวันกับแสนสิริ ภายใต้แนวคิด YOU Are Made for Life เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกวัย พร้อมรับฟังเสียงของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ส่งผลให้ลูกค้าให้การตอบรับที่ดีทั้งจากการเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาสแรก 7 โครงการ มูลค่ารวม 9,400 ล้านบาท รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย

ไตรมาสแรก แสนสิริประสบความสำเร็จสามารถปิดการขาย Sold Out! รวดไปถึง 12 โครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท ทั้งการ Sold Out! “BuGaan Rama 9-Meng Jai” ทันทีภายใน 1 วันแรกที่เปิดจอง รวมถึงปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียม อาทิ เอ็กซ์ที เอกมัย เป็นต้น รวมทั้งยังสร้างยอดขายหลักได้จากแคมเปญ แสนสิริ เทอร์มินัล ดีลดี โปรดทราบ ที่ปิดยอดขายได้กว่า 800 ล้านบาทในงานมหกรรมบ้านและคอนโด

นอกจากนี้แสนสิริยังมียอดโอน สูงถึง 9,700 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบ 7,500 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 2,200 ล้านบาท จากโครงการบูก้าน พระราม 9 – เหม่งจ๋าย ที่ปิดการขายทันที โครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑาและเศรษฐสิริ วัชรพล – เทพรักษ์ ที่มียอดโอนเกินเป้า พิสูจน์ความสำเร็จของแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรีและซูเปอร์ลักซ์ชัวรีจากแสนสิริ รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างยอดโอนได้เกินเป้าหมายจากโครงการเอ็กซ์ที พญาไทและเดอะ เบส ขอนแก่น เป็นต้น

“ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2 คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะเป็นแรงหนุนที่สำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งการผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น ขณะที่ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภาคเอกชนรายใหญ่ต่างเริ่มมีความมั่นใจในการช่วยกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่และมอบแคมเปญการตลาดสู่กลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี โดยสำหรับแสนสิริเราให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ Speed to Market พร้อมวิ่งก่อนใคร ผ่านการตลาดที่แข็งแกร่ง รวมถึงการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขาย ให้กระจายไปในหลากหลายทำเล เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขัน

สำหรับไตรมาส 2 วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ราว 11 โครงการมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการ มูลค่า 4,200 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 7,800 ล้านบาท อาทิ เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน Beachfront Branded Residences แห่งแรกในเอเชีย ภายใต้แบรนด์บูทีคโฮเทลและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก “เศรษฐสิริ รวมโชค” บ้านดีไซน์ Modern Classic วิวดอยสุเทพ ที่ชูนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น สู้ PM 2.5 ราคาเริ่มต้น 20-35 ล้านบาท และ “mekin Haus” (เมคิน เฮาส์) แบรนด์ HAUS โครงการแรกในเชียงใหม่และต่างจังหวัด พร้อมไฮไลท์ “คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกในเชียงใหม่”

THE MUVE สุขุมวิท 107 คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ แต่งครบ หนึ่งเดียวในย่านแบริ่งจากแสนสิริ รวมถึงไฮไลท์การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ทั้ง ELSE (เอลซ์) หนึ่งในไฮไลท์แบรนด์แนวราบในปีนี้ และ PYNN (พินน์) ปักหมุดชีวิตใจกลางเมือง แบรนด์คอนโดน้องใหม่ ที่จ่อคิวเปิดตัวโครงการแรก PYNN Pridi20 (พินน์ ปรีดี 20) เอ็กซ์คลูซีฟ คอนโดมิเนียมเพียง 36 ยูนิต เลี้ยงสัตว์ได้ ขนาด 1 ห้องนอน 34 ตารางเมตรพร้อมเฟอร์นิเจอร์ พร้อมที่จอดรถถึง 90% เพียง 120 เมตร ถึงโรงเรียนนานาชาติ St. Andrews สุขุมวิท71 ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท จ่อคิวเปิดตัวโครงการพร้อมอยู่พฤษภาคมนี้