เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สถานการณ์สงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางได้ลุกลามขยายตัว เมื่ออิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอลด้วยการใช้ขีปนาวุธและโดรนกว่า 200 ลูก ยิงถล่มพร้อมกัน เมื่อคืนวันที่ 13 เม.ย. และมีข่าวว่าอิสราเอลจะมีการตอบโต้ครั้งใหญ่เอาคืนการโจมตีครั้งนี้ นับเป็นการเปิดฉากโจมตีอิสราเอลโดยตรงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดเหตุอิสราเอลถล่มสถานทูตอิหร่านในประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เม.ย.

“รัฐบาลควรเร่งประชุม ครม.เศรษฐกิจและพลังงาน กำหนดแผนรับมือวิกฤติเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาวโดยด่วน หากสงครามกระจายวงกว้างขึ้น เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบมากขึ้นจากราคาน้ำมันดิบโลกที่เพิ่มขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนในตลาดการเงินโลก โดยราคาน้ำมันโลกที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย เงินเฟ้อสูงกดดันการบริโภค การส่งออกลดลงกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) และปากท้องของประชาชน” นายอลงกรณ์ กล่าว

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้มีสถาบันการเงินเอสซีบี วิเคราะห์ว่า กรณีอิหร่านเข้าร่วมสงครามโดยตรง (Direct war) อาจมีการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานการผลิตน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลาง และการปิดช่องแคบฮอร์มุซ จะส่งผลให้ระดับราคาน้ำมันโลกเฉลี่ยในปี 2024 จะเพิ่มขึ้นเป็น 94.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาน้ำมันในประเทศอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิ (Net oil importer) โดยนำเข้าน้ำมันดิบราว 1.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 7.8% ต่อ GDP