เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่โรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการประชุมทศวรรษแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยมหาสมุทรระดับภูมิภาค ครั้งที่ 2 และการประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ครั้งที่ 11 (2nd UN Ocean Decade Regional Conference & 11th WESTPAC International Marine Science Conference) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-25 เม.ย. นี้

โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ประกอบด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) นายเวินซี ชู หัวหน้าสำนักงานคณะอนุกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยสมุทรศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิกตะวันตก (IOC/WESTPAC) นายธรรมศักดิ์ ยีมิน นายกสมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย นายมิชิดะ ยูทากะ ประธานคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยสมุทรศาสตร์ (IOC) นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ศธ.) น.ส.ซูฮยอน คิม ผอ.สำนักงานยูเนสโกส่วนภูมิภาค สำนักงาน กทม. และนายเคนทาโร่ อันโดะ ประธานคณะอนุกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยสมุทรศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิกตะวันตก (IOC/WESTPAC) ตลอดจนคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรฯ และ ทช. ผู้แทนจากมหาวิทยาลัยที่เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมฯ พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ นักเรียน นิสิต นักศึกษา เข้าร่วม

โดย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรฯ ในนามของรัฐบาลไทย ได้เป็นเจ้าภาพรวมจัดการประชุมนานาชาติในครั้งนี้ นับเป็นการแสดงบทบาทสำคัญของประเทศไทย ในระดับภูมิภาคและระดับโลก ในแง่ของการเป็นผู้นำด้านการดำเนินการไปสู่เป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน สำหรับการประชุมนานาชาติครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในความพยายามร่วมกันเพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นปัจจุบันและอนาคต โดยหัวข้อหลักของการประชุมปีนี้ คือ “การเร่งจัดการกับความท้าทายโดยใช้ แนวทางวิทยาศาสตร์มหาสมุทร เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” (Accelerating Ocean  Science Solutions for Sustainable Development) ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการทำงานร่วมกัน โดยการอาศัยความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม เพื่อแก้ไขความท้าทายต่างๆ ที่มหาสมุทรของเรากำลังเผชิญอยู่ พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการสนับสนุนผลงานวิจัย นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และจัดเตรียมสถานที่รองรับผู้เข้าร่วมประชุมจากทั่วประเทศ

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมหารือร่วมกันครั้งนี้ นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของมหาสมุทร เพราะเป็นโอกาสอันทรงคุณค่า ที่ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ได้นำเสนอ แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านวิจัย นวัตกรรม แบ่งปันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมถึงแสวงหาความร่วมมือในการศึกษาวิจัยและแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายใต้ทศวรรษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยวิทยาศาสตร์ทางมหาสมุทรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้เห็นเป็นรูปธรรมสะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางและผู้นำด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลและมหาสมุทรในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ เป้าหมายที่ 14 อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน เพื่อใช้ประโยชน์จากทะเลและมหาสมุทรของคนในยุคปัจจุบันอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

นายจตุพร กล่าวเสริมว่า ภายหลังจากที่รับรายงานว่าประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมวิชาการนานาชาติฯ ตนได้รับมอบหมายจากท่านรัฐมนตรีให้กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งการให้ ทช. รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานเป็นระยะๆ ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมอย่างมาก และยังเป็นที่ตั้งสำนักงานประสานงานทศวรรษแห่งมหาสมุทร (Decade Coordination Office: DCO) ในแถบภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก เสมือนเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะได้แสดงศักยภาพและบทบาทสำคัญในการทำงานในช่วงทศวรรษแห่งมหาสมุทร รวมถึงการขยายโอกาสในการทำงานด้านอื่นๆ ในฐานะประเทศผู้นำ โดยได้รับความร่วมมือจากหลากหลายหน่วยงาน สถาบันการศึกษา รวมถึงการสนับสนุนจากภาคเอกชน ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็งและตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาที่มีฐานจากองค์ความรู้นอกจากการประชุมวิชาการฯ โดย ทส. พร้อมสานต่อการดำเนินงานทศวรรษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยวิทยาศาสตร์ทางมหาสมุทรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (พ.ศ. 2564-2573) ให้เห็นเป็นรูปธรรม และสะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางและผู้นำด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลและมหาสมุทรในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกอีกด้วย

ด้านนายปิ่นสักก์ กล่าวว่า ในนาม ทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมวิชาการนานาชาติฯ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ สมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ได้สานต่อเจตนารมณ์การดำเนินงานภายใต้ทศวรรษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยวิทยาศาสตร์ทางมหาสมุทร เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยร่วมกัน อย่างไรก็ดี การประชุมวิชาการนานาชาติฯ ในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการเดินทางไปสู่เป้าหมายในการใช้การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและมหาสมุทรอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการประชุมฯ 4 วัน จะมีกิจกรรมประกอบด้วยการบรรยายจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งไทยและต่างประเทศ

มีการนำเสนอผลงานที่แยกออกเป็น 25 หัวข้อ และ 1 Special Forum โดยมีผู้สนใจส่งผลงานทั้งภาคบรรยายและโปสเตอร์รวม 831 เรื่อง จาก 32 ประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ 13 เรื่อง และการเสวนา 12 เรื่อง อีกทั้งมีการออกบูธนิทรรศการของภาคเอกชน เพื่อนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทะเลและมหาสมุทร อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้เข้าร่วมประชุมใช้แนวทางและองค์ความรู้อันทรงพลังทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อร่วมกันเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จ ในการมีมหาสมุทรที่อุดมสมบูรณ์ ยืดหยุ่น และส่งต่อมรดกอันล้ำค่านี้ให้กับคนรุ่นหลังต่อไป.