เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 (บก.น.9) พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9, พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด, พ.ต.อ.ศุภวัช ปานแดง, พ.ต.อ.เศกสิทธิ์ สุภาอ้วน, พ.ต.อ.ชัยพันธุ์ เพ็ชรสดศิลป์, พ.ต.อ.อชิรวิทย์ ทองจันดี รอง ผบก.น.9, พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9, พ.ต.อ.เลิศศักด์ เขียมทรัย์ ผกก.สน.ท่าข้าม, พ.ต.ท.วรวิทย์ จันทร์วรศิริ รอง ผกก.สส.บก.น.9, พ.ต.ท.ขจร ธูปประกายศรี สว.สส.สน.บางขุนเทียน พร้อมชุดสืบสวน บก.น.9 แถลงผลการจับกุม นายนพรัตน์ ศิริอัง อายุ 29 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาธนบุรี รวม 3 หมาย ที่ 387, 388, 389/2567 ลงวันที่ 13 พ.ค. 67 โดยก่อเหตุ ใน 3 ท้องที่ สน.หลักสอง, สน.บางขุนเทียน และ สน.ท่าข้าม ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร” พร้อมของกลาง รถ จยย.ฮอนด้าเวฟ รุ่น 125 สีเทา ทะเบียน 1 กม 4063 ฉะเชิงเทรา โดยประสานเข้ามามอบตัวเข้ามาที่ สน.ท่าข้าม

พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าวว่า คนร้ายจะทำทีติดต่อขอซื้อสินค้าของมีค่า เช่น นาฬิกาแบรนด์หรู และเครื่องเพชร จากผู้เสียหายที่โพสต์ขายของส่วนตัวผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งคนร้ายจะให้ราคาสูงกว่าท้องตลาดเพื่อแสดงความเจตจำนงว่าอยากจะได้สินค้าโดยเร็ว จากนั้นเมื่อตกลงซื้อขายกันแล้ว ก็จะวิดีโอคอลให้ผู้เสียหายเห็นขั้นตอนการนำสินค้าไปส่ง จนถึงการแพ็กสินค้าที่จุดรับฝากของบริษัทขนส่ง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่ามีการส่งสินค้าจริง โดยนายนพรัตน์ จะเป็นคนเลือกให้ผู้เสียหายไปส่งที่บริษัทขนส่งในพื้นที่ของผู้เสียหายที่สำรวจแล้ว

พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าวอีกว่า หลังจากผู้เสียหายส่งของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนร้ายก็จะทำทีให้ผู้เสียหายออกมาจากจุดรับฝากของ ก่อนวิดีโอคอลให้ผู้เสียหายส่งเลขพัสดุให้ เพื่อยืนยันว่าส่งของแล้วจริง โดยคนร้ายออกอุบายว่าจะโอนเงินให้เมื่อส่งเลขรหัสพัสดุมา เมื่อคนร้ายได้เลขพัสดุก็จะว่าจ้างให้ไรเดอร์มารับพัสดุ โดยส่งมอบเลขพัสดุให้ไรเดอร์ เพื่อที่พนักงานส่งมอบพัสดุแก่ไรเดอร์ โดยให้ไรเดอร์อ้างกับพนักงานว่ายกเลิกการส่งพัสดุดังกล่าว และจะนำพัสดุไปส่งเอง หลังจากนั้นไรเดอร์ก็จะนำพัสดุไปส่งมอบให้กับ นายนพรัตน์ ก่อนที่นายนพรัตน์ จะนำไปขายต่อตามร้านรับซื้อของเก่า

พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าวว่า กระทั่งฝั่งผู้เสียหายเกิดเอะใจ เห็นว่าผ่านไปแล้วเงินยังไม่ได้รับโอนมาก็เลยผิดสังเกต จึงไปติดตามพัสดุที่ร้านรับส่งพัสดุปรากฏว่าพัสดุดังกล่าวถูกยกเลิกแล้วเลยทำให้ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงมาแจ้งเข้ามาแจ้งความกับตำรวจ ทั้ง 3 โรงพักไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายก่อเหตุมาแล้ว 5 ครั้ง ช่วงปีที่ผ่านมา แต่พบการกระทำความผิดในพื้นที่ บก.น.9 แล้ว 3 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท ได้แก่ เครื่องเพชรมูลค่า 1,400,000 บาท นาฬิกา Rolex 2 เรือน มูลค่ากว่า 800,000 บาท ส่วนอีก 2 คดี อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเชื่อว่าคดีนี้มีตัวการใหญ่ที่อยู่เหนือนายนพรัตน์ อีก เพราะมีการวางแผนอย่างดี มีการใช้บัญชีม้าหลายบัญชี โดยพบว่า หลังขายของได้เงินมา นายนพรัตน์ จะโอนกระจายไปยังบัญชีม้าต่างๆ ซึ่งจะสอบสวนขยายผลจับกุมตัวการใหญ่และบัญชีม้ามาดำเนินคดีให้ได้

พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าว่า สอบปากคำนายนพรัตน์ อ้างว่า ไม่ได้กระทำความผิด เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อาชีพซื้อขายของเก่าเป็นอาชีพสุจริต เป็นเพียงแค่ผู้ทำหน้าที่ตัวกลาง แต่ทางตำรวจยังไม่ปักใจ เชื่อในคำให้การ จึงขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังการซื้อขายในรูปแบบนี้ กรณีที่เป็นของมีค่าในลักษณะแบบนี้ควรจะต้องไปส่งมอบสินค้าด้วยตัวเอง รวมทั้งฝากเตือนไปถึงบรรดาบริษัทขนส่งเอกชนให้ตรวจสอบการ ยกเลิกพัสดุว่าเป็นเจ้าของพัสดุจริงหรือเปล่า ซึ่งถ้าหากว่าไม่ใช่บุคคลคนเดียวกันก็ไม่ควร คืนพัสดุให้ อาจทำให้ถูกเจ้าของพัสดุฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งได้อีกด้วย เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป