จากกรณีเกิดเหตุถังออกซิเจนระเบิด บ้านทาวน์เฮาส์ สูง 2 ชั้น เปิดกิจการเป็นร้านขายส่งออกซิเจน ภายในหมู่บ้านเพชรเกษม 1 ซอยเพชรเกษม 77/8 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ร่างกายขาด 2 ท่อน นั้น
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว จากการสอบถาม นายชัยวัฒน์ เจ้าของกิจการ และเจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตนประกอบกิจการจัดเก็บถังออกซิเจนจากโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อเอามาไว้ที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อเตรียมนำไปเติมออกซิเจนจากโรงงาน ก่อนนำถังเหล่านี้ ส่งให้กับโรงงานอุตสาหกรรมอีกทอดหนึ่ง ไม่ได้ประกอบ หรือมีการต่อเติมถังออกซิเจนแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุการเกิดระเบิดขึ้น เป็นช่วงเวลาที่คนงานชายของตนที่เสียชีวิต อายุ 30 ปี กำลังขนถังออกซิเจนเปล่าลงจากรถกระบะ เพื่อนำไปเติมออกซิเจน แต่ไม่ทราบถึงสาเหตุการเกิดระเบิดขึ้น ว่าเป็นเพราะเหตุใด ซึ่งปกติแล้ว เป็นไปได้ยาก สันนิษฐานว่า ที่ระเบิดอาจมีออกซิเจนหลงเหลืออยู่ภายใน
ด้าน นายมานะ เข็ญภาค อาสาสมัครฐานบุญวิภา 11 เปิดเผยว่า ตนได้สอบถามกับชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้บอกว่า ผู้เสียชีวิตได้มีการขนย้ายถังออกซิเจนลงจากรถกระบะคันสีแดงดังกล่าว กระทั่งจู่ๆ ถังออกซิเจนเกิดกระแทกพื้นจนเกิดระเบิดขึ้น
ขณะที่เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ติดกัน เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเวลา 11.00 น. ได้ยินเสียงระเบิดเกิดขึ้น จนทำให้บ้านของตัวเองเกิดการสั่นสะเทือน จึงแจ้งให้ทุกคนในบ้าน ออกจากภายนอกตัวอาคาร เพราะกลัวว่าจะเกิดระเบิดซ้ำขึ้นอีก สำหรับจุดเกิดเหตุ เพื่อนบ้านให้การว่า ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการจัดเก็บถังออกซิเจนจากโรงงานอุตสาหกรรม ประกอบอาชีพมาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็เกิดความกังวลอยู่ว่า จะเกิดเหตุระเบิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้อาจจะมีการพูดคุยกับเจ้าของกิจการ ถึงมาตรการ รักษาความปลอดภัย ถ้าหากเป็นไปได้ อยากให้ย้ายออกจากพื้นที่
ด้าน น.ส.สกาวเดือน พุทธรรมา อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า ภารกิจการช่วยเหลือ เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง พบผู้ได้รับบาดเจ็บ มีสภาพขาดครึ่งท่อน อวัยวะส่วนขาและแขน กระเด็นออกไปไกลจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 ถึง 30 เมตร แต่ยังพบมีชีพจรอยู่ และโต้ตอบเจ้าหน้าที่ได้ กระทั่งทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน จะทำการเชิญผู้เกี่ยวข้องไปสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนร่างผู้ตายส่งไปชันสูตรที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ รพ.ศิริราช เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนมอบให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.