นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ส.อ.ท. และสมาคมธนาคารไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ว่า อยากให้ภาครัฐเพิ่มวงเงินมาตรการโครงการคนละครึ่ง ซึ่งถือเป็นโครงการที่ดี จากเดิมคนละ 1,200 บาท อยากให้เพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 1,500 บาทขึ้นไป และเพิ่มวงเงินมาตรการช้อปดีมีคืน จาก 30,000 บาท เป็น 100,000 บาท และขยายเวลาจากสิ้นมาตรการวันที่ 15 ก.พ.นี้ เป็นสิ้นปี 65

สุพันธุ์ มงคลสุธี

“ตอนนี้ กกร.มีความกังวลสถานการณ์เงินเฟ้อจากราคาสินค้าที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจึงตัดสินใจปรับกรอบเงินเฟ้อทั่วไปปี 2565 เพิ่มเป็น 1.5-2.5% จากเดิม 1.2-2.0% โดย กกร.อยากให้รัฐบาลตรึงราคาสินค้า ราคาน้ำมัน ให้อยู่ในระดับเหมาะสม ซึ่งล่าสุดราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มที่จะขยับราคาไปถึง 100 ดออลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลภายในไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.)”

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย​ กล่าวว่า ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ เตรียมเข้าหารือกับนายอาคม​ เติมพิทยาไพสิฐ​ รมว.คลัง​ เพื่อหามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม โดยเฉพาะการขยายเวลาโครงการช้อปดีมีคืนที่จะสิ้นสุดวันที่​ 15 ก.พ.​ เนื่องจากโครงการเริ่มช้า ระยะเวลาน้อย ทำให้ยอดการใช้จ่ายน้อย​ จากที่ภาคเอกชนพยามเสนอปรับเปลี่ยนโครงการจากยิ่งใช้ยิ่งได้มาเป็นช้อปดีมีคืนตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งเสนอเพิ่มวงเงินโครงการคนละครึ่ง เพราะวงเงินปัจจุบัน 1,200 บาท ประชาชนมองว่า ยังน้อยเกินไป ซึ่งเป็นโครงการที่กระตุ้นใช้จ่ายได้จริง อาจจะหารือว่า กลับมาเป็นวงเงิน 1,500 บาทได้หรือไม่