เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่กรมราชทัณฑ์ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานว่า ได้รับข้อมูลของวันที่ 22 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,072 ราย เป็นการตรวจพบในเรือนจำสีแดง 1,001 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 71 ราย หายป่วยเพิ่ม194 ราย รวมมีผู้ป่วยที่รักษาหายสะสม 36,864 ราย หรือ 86.9% ของผู้ติดเชื้อสะสม 42,445 ราย และยังมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 5,187 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสีเขียว 84.3% สีเหลือง 15.3% และสีแดง 0.4% และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตต่อเนื่องเป็นวันที่ 13 ทำให้อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

นายอายุตม์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ภายนอกที่พบเชื้อโควิดแพร่กระจายในวงกว้างมากขึ้น ส่งผลให้เรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งมีความเสี่ยงมากขึ้น กรมราชทัณฑ์ ได้ยกระดับมาตรการที่เข้มข้นในการป้องกัน ทั้งการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง โดยเฉพาะเรือนจำสีแดงที่พบการแพร่ระบาดเดิมต้องเร่งค้นหาและคัดแยกผู้ติดเชื้อให้ได้รับการรักษาโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมโรค สามารถควบคุมการระบาดและกลับคืนสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว จึงอาจทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อและมีเรือนจำที่พบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นได้ในระยะนี้ ซึ่งจากดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่าการให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงการรักษาที่รวดเร็ว และได้รับยาทันเวลา จะสามารถลดความรุนแรงของโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้กำชับแนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ โดยก่อนการเข้าปฏิบัติงานจะต้องตรวจหาเชื้อพร้อมยืนยันผลว่าไม่ติดเชื้อทุกครั้ง และในเรือนจำสีแดงจะต้องตรวจซ้ำอีกครั้งก่อนออก เพื่อป้องกันการนำเชื้อเข้าและออกจากพื้นที่แพร่ระบาด และในระหว่างพักเวรหรือไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ จะต้องป้องกันตนเองจากเชื้อตามมาตรการ D-M-H-T รวมถึงมาตรการอื่นๆ ของกรมราชทัณฑ์ที่วางไว้อย่างเคร่งครัด.