จากกรณี นายเอ (นามสมมุติ) ชายพิการขาขวาและมือซ้าย อายุ 39 ปี ได้พยายามกระโดดสะพานพระราม 4 หวังจะฆ่าตัวตายแต่มีพลเมืองดีเข้าช่วยเหลือไว้ได้ทัน ภายหลังอ้างว่า มาร้องเพลงเปิดหมวกอยู่ย่านปากเกร็ด สาเหตุที่อยากตายเพราะโดนเมียซ้อมทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง เงินที่ได้มาก็จะเอาไปซื้อเหล้ากินแถมยังปรนเปรอชายอื่น ตอนนี้อยากกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ที่สุพรรณบุรี ภายหลัง นายเอ ได้กลับบ้านสมใจ แต่ก็ต้องทราบข่าวร้ายเพราะแม่เสียชีวิตไปแล้ว จำต้องกราบเท้าพ่อแต่เพียงลำพัง ทั้งนี้ญาติพี่น้องได้พยายามโทรศัพท์ไปหาเพื่อแจ้งเรื่องแม่เสีย แต่ก็โดนฝ่ายภรรยากีดกันไม่ให้คุย ทำให้นายเอ ให้ข่าวกับสื่อว่าจะหาทางหย่าขาดจากภรรยาคนนี้ และขอบัตรประจำตัวประชาชน ที่ภรรยาเก็บไว้คืนมาให้หมด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. นางบี (นามสมมุติ) อายุ 58 ปี ภรรยาของนายเอ ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นหนังคนละม้วน เพราะตนไม่เคยทำร้ายสามีแต่อย่างใด แต่เพราะสามีชอบเล่นยาเสพติด ซ้ำยังด่าทอตนตลอดเวลา ทำให้หมดรักมานานแล้ว ที่ยังช่วยเพราะเห็นว่ายังคอยประคับประคองกันไปได้ เงินที่ได้มาก็ไม่เคยเอาไปซื้อเหล้าหรือปรนเปรอใครที่ไหน แต่นำไปซื้ออาหารไว้มาให้สามีในแต่ละวัน สำหรับเรื่องที่อยากจะหย่าขาดนั้น ตนพร้อมจะหย่าให้แน่นอน แต่ต้องขอเรียกเงินค่าเลี้ยงดู 3 แสนบาท เนื่องจากที่ผ่านมาตนเป็นฝ่ายดูแลสามีมาโดยตลอด ทราบข่าวมาว่ามีคนใจบุญบริจาคเงินให้มากมาย รับไปเท่าไหร่ เข้าบัญชีใครบ้าง ตนไม่รู้เรื่องแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน เจ้าของร้านขายผักหน้าห้างเมเจอร์ปากเกร็ด ได้เล่าว่า คนพิการที่โดดสะพานนั้น มาร้องเพลงเปิดหมวกที่หน้าเมเจอร์ทุกวัน พอร้องเสร็จฝ่ายภรรยาก็จะมาเก็บเงินไป ส่วนเรื่องกินเหล้าเสพยานั้น ตนไม่เคยเห็นแต่อย่างใด เคยเห็นแต่ฝ่ายภรรยาที่ชอบด่าว่าชายพิการอย่างรุนแรง แต่เรื่องทำร้ายยังไม่เห็นเช่นกัน