เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 25 เม.ย. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคการเมือง ผู้ต้องหากระทำอนาจาร-ข่มขืน ว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งทำสำนวน หลังลงพื้นที่สถานที่ทำงานเดิม ก่อนหน้าจะมาเป็นนักการเมือง ตามคำให้การของผู้เสียหาย การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการตรวจทางกายภาพ เพื่อนำไปประกอบสำนวน ร่วมกับพิจารณาข้อกฎหมายกับข้อเท็จจริง ของสถานที่ดังกล่าว มีความสอดคล้องมากน้อยขนาดไหนต้องตรวจสอบหลายอย่าง เพราะเรื่องสถานที่เกิดเหตุ ในคดีเกี่ยวกับเพศจะมีข้อกฎหมายต่อหน้าธารกำนัลอยู่ เป็นการพิจารณาข้อกล่าวหาด้วย ถ้าไม่เป็นต่อหน้าต่อหน้าธารกำนัลจะไปพัวพันกับเรื่องเวลาร้องทุกข์ซึ่งต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน ในคดีที่แจ้งมาทั้ง 15 คดีนี้ ส่วนใหญ่เป็นคดีที่เกิดนานแล้วทั้งนั้น

‘รองผบช.น.’ พา ‘พฐ.’ เช็กกายภาพห้องเชือด ‘ปริญญ์’ พิสูจน์ข้อหา

ฉะนั้นต้องดูให้ชัดเจนวิเคราะห์ให้ทั้งเหตุและผลตามข้อเท็จจริง รวมถึงเร่งพิจารณาคดีก้ำกึ่งว่าจะขาดอายุความหรือไม่ เป็นหน้าที่ของคณะพนักงานสอบสวนต้องตัดสินใจ แล้วชี้แจงนำเสนอต่อผมว่าตัดสินแบบนี้เพราะอะไร ขาดหรือไม่ขาดเพราะเหตุใด ขอเวลาให้คณะพนักงานสอบสวนทำสำนวนเพิ่มเติม 1-2 วัน ก็คงจะมีความชัดเจนว่า คดีไหนจะมีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะนำหลักฐานไปยื่นต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับได้ แต่จะเร่งไม่ให้สรุปเกิน วันที่ 27 หรือ 28 เมษายนนี้

พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้นายปริญญ์ ยังไม่ได้มีการติดต่อขอมอบตัวก่อนออกหมายจับแต่อย่างใด แต่คาดว่าคงติดตามข่าวและคงจะชิงมามอบตัวก่อนอย่างครั้งแรก แต่ยังไงคดีที่อัตราโทษเกิน 3 ปี ทางพนักงานสอบสวนก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานไปขอหมายจับที่ศาลตามปกติ

ส่วนกรณีของนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท อ้างว่ายังไม่เห็นหมายจับนั้น ทาง ผกก.เองได้ชี้แจงไปแล้วว่า คดีนี้ไม่ได้คิดว่าต้องเร่งด่วนทำ ซึ่งคดีหลักคือคดีของนาย ปริญญ์ ที่มีผู้เสียหายเป็นสุภาพสตรีจำนวนหลายราย ที่ต้องเร่งดำเนินการทำอย่างละเอียดรอบครอบและยุติธรรม