จากกรณีแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลตำรวจ ขับรถยนต์ปอร์เช่ ทะเบียนป้ายแดง ชนท้ายรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ บนถนนราชพฤกษ์ ใต้สถานีบีทีเอสบางหว้า ทำให้ผู้ที่นั่งมาในรถยนต์ซิตี้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย และต่อมาได้เกิดความสับสนในการรายงานผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ตามที่ได้เสนอข่าวไปนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ส.ค. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า ภายหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ในเวลาประมาณ 06.00 น. ซึ่งใกล้เคียงกับเวลาเกิดเหตุมากที่สุด ตรวจวัดค่าได้ 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่าปริมาณที่กฎหมายกำหนดในการขับขี่ หลังจากนั้น ในเวลา 11.00 น. ผู้ขับขี่ได้ขอให้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์อีกครั้งนึง ตรวจวัดได้ประมาณ 44 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

ซิ่งปอร์เช่ป้ายแดงฝ่าฝนชนท้ายซิตี้ เสียชีวิตคาที่2ศพเจ็บสาหัส1

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ระบุว่า ในการดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหา จะต้องยึดค่าที่ตรวจวัดได้ครั้งแรก เพราะวัดในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาเกิดเหตุมากที่สุด ส่วนค่าแอลกอฮอล์ที่ลดลงภายหลัง จะถูกนำมาใช้ประกอบการสอบสวนเท่านั้น ดังนั้นขณะนี้จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ว่าที่ ร.ต.อ.ภาณุรักษ์ รัตนไพศร นายแพทย์ (สบ 1) กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.ตำรวจ ในข้อหา “เมาแล้วขับ” ส่วนข้อหาอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบว่ามีความผิดเพิ่มเติม ในการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

ด้าน พ.ต.อ.สุรเวช การวัฒนาศิริกุล ผกก.สน.ภาษีเจริญ เปิดเผยว่า กรณีที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องปริมาณแอลกอฮอล์ ของ ร.ต.อ.ภาณุรักษ์ ว่ามีเพียง 44 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ทำให้พนักงานสอบสวน ไม่สามารถแจ้งข้อหาเมาแล้วขับได้นั้น ขอชี้แจงว่า ในข้อเท็จจริงมีการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ ตั้งแต่ที่เกิดเหตุพบว่ามีสูงถึง 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่ากฏหมายกำหนดและพนักงานสอบสวนได้ทำการแจ้งข้อหา “เมาแล้วขับ” ตั้งแต่ช่วงสายของวันเกิดเหตุ ซึ่งตัวผู้ต้องหาเอง ก็รับทราบข้อหาและมีการใช้เงินสดจำนวน 2 แสนบาท เพื่อขอประกันตัว โดยอ้างเหตุว่าเพื่อไปช่วยเหลือและดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งวงเงินประกันนี้ถือว่าเป็นวงเงินประกันสูงสุดตามมูลฐานความผิดเกี่ยวกับการเมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต

“ส่วนที่มีการนำเสนอว่าปริมาณแอลกอฮอล์มีเพียง 44 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ มาจากการขอตรวจซ้ำที่ สน.ในช่วงสาย แต่ไม่ถือว่ามีผลทางสำนวนคดี เพราะไม่ใช่เวลาเกิดเหตุ ส่วนผู้ต้องหาจะไปยื่นขอตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลอื่นหรือไม่ ถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้เพื่อพิสูจน์ ในชั้นศาล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชั้นพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ตำรวจ สน.ภาษีเจริญ มีการดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องทั้งหมด ไม่มีการช่วยเหลือใดๆแม้ผู้ต้องหาในคดีนี้จะเป็นข้าราชการตำรวจก็ตาม” ผกก.สน.ภาษีเจริญ

ขณะที่ นายกานต์พงศ์ สิริอิสสระนันท์ ลูกชายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุน้องสาวของตนเป็นผู้ขับขี่ มีพ่อและลูกศิษย์ที่เรียนวิ่งมาราธอน​กับพ่อนั่งด้านหลัง กำลังจะไปวิ่งที่พุทธมณฑล แต่มาเกิดเหตุก่อน เมื่อวานมีโอกาสเจอคนขับรถปอร์เช่​ เห็นว่ามีท่าทีโศกเศร้าเสียใจ พร้อมกับกล่าวขอโทษและบอกว่ายินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง ซึ่งตนเองส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไรเพราะเห็นว่ามีท่าทีสำนึกผิด ถ้าหากเป็นตัวเองก็จะเเสดงความรับผิดชอบเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องข้อหาทราบคร่าวๆว่า มีการแจ้งข้อหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งในส่วนของผลแอลกอฮอล์ น่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อนเพราะมีการตรวจซ้ำ 2 ครั้ง อย่างไรตนเองก็จะขอรอดูเอกสารเพื่อความสบายใจอีกครั้ง

ต่อมาเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์​หลักฐาน​ได้เดินทางมายัง สน.ภาษีเจริญ​ เพื่อตรวจสอบและเทียบเคียงร่องรอยการชนของรถทั้ง 2 คัน นำไปประกอบสำนวน ซึ่งจากร่องรอยพบว่ารถเก๋ง ฮอนด้า ถูกชนเข้าทางด้านหลังเยื้องทางขวาเล็กน้อย ก่อนที่รถปอร์เช่จะเสียหลักเข้าข้างทาง ส่วนรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้นั้นหมุนคว้าง ซึ่งความเร็วของรถปอร์เช่ที่พุ่งเข้าชนน่าจะมีความเร็วที่มากพอสมควร เพราะแรงกระแทกส่งผลให้แอร์แบ็กของรถปอร์เช่​ทำงานถึง 3 ด้าน เกือบทั้งครบทั้งหมด

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต, เมาแล้วขับรถเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและเสียทรัพย์สิน”​ ส่วนข้อหาอื่นไม่ว่าจะเป็น ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด รวมถึง การฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบว่ามีความผิดเพิ่มเติมหรือไม่.