เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ต่างท้องที่ของประธานกรรมการและกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. …. โดยประธาน กสทช. ได้ค่าตอบแทนเหมาจ่ายรายเดือน 361,167 บาทต่อเดือน และได้ค่าเสียโอกาส 89,667 บาทต่อเดือน ส่วน กรรมการ กสทช. ได้ค่าตอบแทนเหมาจ่ายรายเดือน 289,167 บาทต่อเดือน และได้ค่าเสียโอกาส 71,667 บาทต่อเดือน ว่า เป็นไปตามเกณฑ์ปกติของ กสทช. ซึ่งใช้มานานหลายปีแล้ว จึงควรต้องปรับ ทั้งนี้ได้ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเรื่องค่าเสียโอกาสตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอเนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งในกรรมการ กสทช. จะไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นได้เป็นเวลา 2 ปี

แต่ถูกทักท้วงจากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการคลัง ที่เห็นว่าเราไม่เคยมีการอนุมัติเรื่องค่าเสียโอกาสให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งใดทั้งสิ้น เพราะยังมีตำแหน่งอื่นที่เสียโอกาสอีกมาก อาทิ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ไม่สามารถดำรงตำแหน่งอื่นได้ 2 ปีหลังจากนั้น แต่ทำธุรกิจการค้าได้ จึงขอให้ตัดเงินค่าเสียโอกาสออกไป ส่วนเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากนั้นได้อนุมัติให้ตามที่สำนักงาน กสทช.เสนอ

เมื่อถามว่าการไม่อนุมัติเงินค่าเสียโอกาสแก่กรรมการ กสทช. เป็นเพราะต้องการดักทางต่อองค์กรอื่นๆ ใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องการไม่ให้เป็นแบบอย่าง และองค์กรอื่นก็ไม่ควรมีเรื่องค่าเสียโอกาส ต่อข้อถามถึงกระแสวิจารณ์ที่ว่าเงินเดือนของประธาน กสทช. มีจำนวนมากกว่าของนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ กล่าวว่า มีหลายตำแหน่งที่ได้รับเงินเดือนมากกว่านายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจ อาทิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)