หลังจากสัปดาห์ก่อนได้เล่าถึงภาพยนตร์แนวสืบสวน 3 สัญชาติ ที่สามารถหาชมได้ในเว็บไซต์ทั่วไป สัปดาห์นี้ “ดูหนังกับหมี” ขอกลับมารีวิวหนังที่จัดฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง ซึ่งแม้สัปดาห์นี้จะมีภาพยนตร์เข้าใหม่ที่น่าสนใจ แต่หากจะไม่กล่าวถึงเรื่อง The Black Phone สายหลอน ซ่อนวิญญาณ ก็คงจะไม่ได้ เพราะเหล่านักวิจารณ์ทั้งไทยและต่างประเทศ ต่างก็การันตีว่า เป็นหนังสยองขวัญที่ดูแล้วคาดเดาไม่ได้ แถมยังมีความสนุกตรงที่เล่นกับความรู้สึกของผู้ชม แม้ลุกออกจากเบาะโรงหนังแล้วไปเจอความมืดกับความเงียบ ก็ยังรู้สึกได้ถึงความหลอนจากหนังเรื่องนี้ได้

The Black Phone มีความยาวเพียง 102 นาที กำกับโดย “สก็อต เดอร์ริคสัน” ที่เคยผ่านผลงานอย่าง “จอมเวทย์มหากาฬ” (Doctor Strange 2016) และ “เห็นแล้วต้องตาย” (Sinister 2012) ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของฆาตกรโรคจิต ชอบจับเด็กมาสังหารทิ้ง นามของมันคือ The Grabber (รับบทโดย อีธาน ฮอว์ก) หลังจากมันจับตัว “ฟินนีย์” (รับบทโดยเมสัน เธมส์) เด็กชายวัย 13 ปี มาขังไว้ในห้องใต้ดิน มันก็เริ่มเล่นเกมจิตวิทยาไปเรื่อย ๆ ซึ่งหากเด็กคนไหนเริ่มทำตัวไม่ดี โกหก พยายามหลบหนี มันก็จะทำร้ายร่างกาย หรือฆ่าทิ้งในทันที มีเหยื่อถูกฆ่าตายไปแล้ว 4 ศพ ด้วยเหตุนี้ เหล่าวิญญาณจึงได้พยายามติดต่อกับ “ฟินนีย์” เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการตายของพวกเขาให้ได้รับรู้ เด็กน้อยจะรอดชีวิตออกมาได้หรือไม่ ติดตามกันได้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

จุดแข็งของ The Black Phone

ต้องขอชื่นชมฝ่ายโปรดักชั่น และทีมงานถ่ายทำ ซึ่งใช้ทุนสร้างต่ำมาก มีการเนรมิตห้องใต้ดินใหม่ให้กลายเป็นสถานที่น่ากลัวชนิดขนหัวลุก เมื่อเล่นกับซีนที่ต้องใช้ความเงียบ บวกกับอารมณ์ของคนที่โดนกักขัง ยิ่งทำให้ภาพสื่อถึงอารมณ์ความอึดอัด ยิ่งใส่ซีนผีหลอกเข้าไปในห้องนี้ด้วย แทบจะหลับตาดู เพราะหลอนมาก ๆ ทีมงานเซตฉากให้นักแสดงให้อยู่ในโฟกัสที่สมดุล ด้วยแสงสีมุมห้อง ก่อนจะอัดซาวด์เสียงหลอน ๆ ชวนให้เกิดภาพติดตา ต้องยอมใจผู้กำกับภาพ ว่าทำออกมาได้สุดจริง น่ากลัวจริง

ด้านนักแสดง “อีธาน ฮอว์ก” หลังจากไปรับบทตัวร้าย “อาเทอร์ แฮร์โรว์” ในเรื่อง Moon Knight แนว ๆ ร้ายแบบสุภาพบุรุษ กลับมาคราวนี้เขาก็ยังรับบทร้ายอยู่ แต่ร้ายแบบสุดโต่ง The Grabber จะทำเป็นใจดีเลี้ยงเหยื่อ พูดจาดี แต่พอสักพักก็จะเริ่มทรมานเด็ก ตัวละครตัวนี้ใส่หน้ากากตลอดเวลา บางครั้งก็ถอดบางชิ้นออก แต่ยังบ่งบอกความร้ายกาจผ่านทางสายตา ที่ดุดันโหดเหี้ยมเสมอ

The Black Phone

จุดอ่อน The Black Phone

การดำเนินเรื่องช่วงแรกดูเนือยและดร็อปมาก แถมโชว์ฉากความรุนแรงในครอบครัวอย่างโจ่งแจ้ง ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควร แต่พอมาถึงช่วงกลางเรื่อง กลับทำให้กระชับรวดเร็ว จนเปลี่ยนอารมณ์กันแทบไม่ทัน อีกประเด็นที่น่าเสียดายคือ การลดบทบาทตัวละครที่มีส่วนสำคัญของเรื่อง แม้แต่ เทอเรนท์ (รับบทโดย เจเรมี เดวีส์) พ่อของ “ฟินนีย์” ที่ปูพื้นเรื่องซะยาวในตอนต้น เชื่อว่ามีความสำคัญแน่ ๆ แต่สุดท้ายกลายเป็นหั่นบททิ้ง จัดเป็นกลุ่มนักแสดงสมทบไปแบบดื้อ ๆ น่าเสียดายมาก

4/5 สำหรับหนังสยองขวัญที่ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะกลัวคนหรือกลัวผีดีกว่ากัน แต่ที่แน่ ๆ คนหนังแนวสยองขวัญสั่นประสาทไม่ควรพลาด

The Black Phone Poster Teases Scott Derrickson's Creepy Horror Movie
The Black Phone' Review - A Call You Won't Regret Answering - Bell of Lost  Souls

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน

ขอบคุณข้อมูล ภาพ จากเว็บไซต์ Youtube และ Universal Pictures