เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขอปรับขึ้นราคา ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเคยปรับขึ้นราคาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา จาก 5 บาท เป็น 6 บาท ซึ่งหากมีการปรับขึ้นอีกครั้งตามข้อเรียกร้องของ ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 5 ราย ได้แก่ มาม่า ไวไว ยำยำ นิชชิน และซื่อสัตย์ จากเดิมราคา 6 บาท เป็น 8 บาท ต่อซอง หรือ ปรับขึ้นซองละ 2 บาท โดยจะเข้าพบกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ บ่ายวันนี้ (16 ส.ค.)

“การปรับขึ้นราคามั่นใจว่า กรมการค้าภายในน่าจะคำนวณต้นการผลิตแล้ว และต้องคงราคาไม่ให้สูงกว่านี้ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชน”

ทั้งนี้แม้ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ ย้ำมาตลอดว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นสินค้าควบคุม และเป็นสินค้าจำเป็น จึงขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการช่วยตรึงราคาไปก่อน ทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกตรึงราคามาเป็นเวลา 14 ปีแล้ว

อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี เช่น แป้งสาลี ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ราคา 500 บาทต่อถุง จากเดิม 250 บาทต่อถุง น้ำมันปาล์ม จาก 18 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 50 บาทต่อกิโลกรัม หรือสูงเกือบ 3 เท่าตัว นอกจากนี้ ยังมีวัตถุดิบอื่น ทั้งสินค้าเกษตร ที่นำมาทำเป็นเครื่องปรุงรส และแพ็กเกจจิ้งสูงขึ้น 20-30% แต่หากราคาต้นทุนการผลิตปรับลดลง ก็ต้องปรับลดลงตามไปด้วย