มีผลงานในวงการบันเทิงอย่างต่อเนื่องและขึ้นแท่นหนุ่มฮอตที่หลายคนจับตามองอย่างมากสำหรับนักแสดงหนุ่มสุดคิวท์ “เบ้นซ์-ณัฐพงศ์” และหนุ่ม “โฟล์ค-ฐิติพัฒน์” ที่ไม่ว่าจะทำอะไร ก็โดนใจแฟนๆไปหมด

ล่าสุด “yimyim” มีโอกาสสัมภาษณ์สองหนุ่มด้วยและอยากบอกว่าประทับใจมากเพราะทั้งหนุ่มเบ้นซ์และหนุ่มโฟล์คน่ารักจัดเต็มมากๆเลยไม่พลาดให้พลาดหลายๆมุมของพวกเขาที่น่าสนใจทั้งเรื่องเรียน งานและทัศนคติจ้า ไปดูกันเลยจ้า

ทักทายแฟนๆเดลินิวส์ออนไลน์สักหน่อย?

เบ้นซ์สวัสดีครับ เบ้นซ์-อเลิ๊ตครับ แฟนๆเดลินิวส์ออนไลน์”

โฟล์ค “สวัสดครับ ผมโฟล์ค-ฐิติพัฒน์ สวัสดีแฟนๆเดลินิวส์ทุกคนครับ”

เคล็ดลับการเรียนของทั้งคู่คืออะไร?

เบ้นซ์ “เคล็ดลับการเรียนของเบ้นซ์ อย่างแรกเราต้องรู้ตัวเองก่อนว่าเราอยากเรียนด้านไหน ชอบด้านไหน มองจากสิ่งรอบข้างที่เราชื่นชอบก็ได้ บางคนอาจจะชอบคณิตศาสตร์ บางคนอาจจะชอบภาษา วิทยาศาสตร์ไปเลย พยามมองหาสิ่งรอบตัวที่เราชอบ อย่างเบ้นซ์พอรู้ตัวเองว่าเราชอบอะไรมาตั้งแต่แรก ถ้ารู้ตัวเร็วก็ยิ่งดีเลย พยายามมีเป้าหมาย ค่อยเป็นค่อยไปครับ พยายามทำทุกสเต็ปให้ดีที่สุด มีสมาธิกับสิ่งที่เราชอบ มีสติในสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนั้น ถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่กำลังอยู่ ผมรู้สึกมันแฮปปี้แล้วที่เราได้เรียนสิ่งที่ชอบ ก็เป็นสิ่งที่ดีที่ทุกคนควรโฟกัส”

โฟล์ค “โฟล์คตัดสินใจเรียนในมหาวิทยาลัยที่คิดว่ามันจะตอบโจทย์สำหรับเราตั้งแต่แรกอะไรอย่างนื้ เหมือนพี่เบ้นซ์เลยครับ เลือกว่าเราชอบสิ่งไหน ที่สำคัญเราอย่ากดดันตัวเอง เดี๋ยวนี้อะไรหลาย ๆ อย่างมันก็เปลี่ยนไป ไม่ได้เหมือนสมัยก่อนที่เราต้องมาแข่งหรืออะไร หลาย ๆ อย่างมันเปลี่ยนไป บางทีมันอาจจะใช้ความสามารถเฉพาะด้าน โฟล์คเลยตัดสินใจเรียนในคณะและสาขาที่คิดว่าตัวเองชอบ และตอบโจทย์สำหรับตัวเองมากที่สุดครับ เทคนิคที่ทำให้ได้ A สำหรับวิชาที่ยากสำหรับโฟล์ค คือ เอาจุดบกพร่องของครั้งแรกที่เราทำพลาดไป นำมาปรับใช้แล้วก็ปรับเปลี่ยนในสิ่งที่เราขาดหายไป แล้วก็ให้ความสำคัญ ให้เวลากับมันมากขึ้นครับ”

เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยมีผลกระทบไหม?

เบ้นซ์ “ จริงๆไม่มีผลกระทบเลยครับ เบ้นซ์จะมี planner เป็นสมุดจดบันทึกว่าวันไหนเรียน วันไหนทำงานครับ ก็ work-Life บาลานซ์ให้ดี เลยรู้สึกว่ายังไม่หนักเท่าไหร่ ถึงจะกระทบตัวเราและการใช้ชีวิตเรา ยังไม่ถึงขนาดนั้นครับ แต่ผมสามารถบาลานซ์ได้อยู่ พยามจัดตารางให้ออกมาดีที่สุด พยายามแบ่งเวลาไม่ให้มันกระทบด้านใดด้านหนึ่งครับ”

โฟล์คมีปัญหาเรื่องเรียนปรึกษาพี่เบ้นซ์ไหม?

โฟล์ค “มีบ้างครับ แต่คณะที่โฟล์คเรียนอาจจะคนละแบบกัน แต่ก็มีบางเรื่องที่เคยไปถามมา อย่างเรื่องของสถิติ เกี่ยวกับชุมชนอะไรประมาณนั้นครับ”

กดดันไหมเวลาคนพูดถึงเราเรื่องเรียนแล้วก็นึกถึงการทำงานของเราตลอด?

เบ้นซ์ “เบ้นซ์ไม่รู้สึกว่ากดดันเลยครับ ตั้งแต่ที่เล่าเลือกจะเข้ามาในวงการบันเทิง ม.4 ม.ปลาย ก็รู้สึกว่าทุกงานเป็นสิ่งใหม่ ๆ สำหรับเบ้นซ์ เบ้นซ์เปิดรับ ได้ทำทุก ๆ ผลงานไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือร้องเพลงก็ตาม ผมรู้สึกว่าผมมีความสุขที่ได้มาทำตรงนี้ ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ไหน ได้ทำให้แฟน ๆ ได้ดู ได้ฟัง ผมมีความสุขแล้วที่ทำให้เขายิ้มได้ หัวเราะได้ครับ”

เกณฑ์ในการรับงานของเบ้นซ์เป็นแบบไหน?

เบ้นซ์ “ตอนนี้ก็ถ้าได้รับโอกาสงานแบบไหน ผมรู้สึกว่ามันคือชาเลนจ์สำหรับตัวผม เพราะว่า ผมอยากลองทำในทุก ๆ พาร์ท ทุก ๆ โอกาสที่ได้รับเลยครับ ผมไม่ได้เลือกเลยครับ ผมรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นโอกาสใหม่ ๆ มันสามารถพัฒนาสกิล ที่แฟน ๆ เราอยากเห็นด้วยครับ”

พาร์ตการแสดงจะได้เห็นอะไรเร็วๆนี้บ้าง?

เบ้นซ์ “มีซีรีส์ครับ เรื่องใหม่ชื่อว่า “ทฤษฎีรัก The Theory Series” ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานการแสดงที่อยากให้ทุกคนได้ดูจริงๆ เพราะว่าตัวบทเข้มข้นและสนุกมาก คอมเมดี้มาก อยากให้ทุกคนได้เห็นความตลกของเบ้นซ์อเลิ๊ตจริงๆ คาแรกเตอร์ในเรื่องผมชื่อว่า คนโปรด ครับ ส่วนคู่ของผมชื่อว่า รหัส คนโปรดก็เป็นคน อเลิ๊ต อเลิ๊ตยิ่งกว่าอเลิ๊ต คูณ 2 ขึ้นไปอีกครับ เพราะว่าคาแรคเตอร์เป็นเด็กปี 1 ที่อยากจะจีบรุ่นพี่ ไม่ว่าจะต้องวัดกี่ทฤษฎี วัดวิธีกี่ร้อยกี่พัน มาจีบรุ่นพี่คนนั้นให้ได้ครับ ไม่กลัวว่าจะจีบไม่ติด แต่ขอให้ได้จีบก็พอครับ คอมเมดี้มากครับ อยากให้ทุกคนได้ดูกันครับ”

โฟล์คตอนนี้เรื่องการทำงานมีอะไรให้ติดตามกันบ้างเอ่ย?

โฟล์ค “ถ้ามีโอกาสเข้ามาก็ได้เห็นแน่นอนครับ ช่วงที่ผ่านมา ก็พยายามไปเรียนการแสดง เรียนร้องเพลงกับพี่เบ้นซ์ ก็พยายามพัฒนาตัวเองครับ”

บทบาทที่อยากแสดงของแต่ละคนคืออะไร?

โฟล์ค “บทแรก ๆ ที่นึกถึงเลย อยากแสดงเป็นบทตัวร้ายครับ เพราะคิดว่าบทตัวร้ายเป็นอะไรที่ท้าทายเราเหมือนกัน โฟล์คชอบแบบ เปิดมาเป็นคนดี แต่ไป ๆ มา ๆ สุดท้าย คนนี้แหละเป็นคนฆ่า เป็นคนวางแผน คิดว่าเป็นบทที่อยากลองเล่น แต่ก็ยังไม่มีโอกาสครับ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองบทนี้อยู่เหมือนกัน โฟล์คคิดว่าก็จะเป็นบทที่คนดูหลาย ๆ คนจดจำครับ อาจจะต้องใช้อินเนอร์เยอะเลย ขั้นสุดยอด อาจจะเป็นร้ายแบบเงียบ ๆ อะไรอย่างนี้ครับ”

เบ้นซ์ “ผมอยากเล่นบทบู๊แล้วก็คอมเมดี้ด้วย(ยิ้ม) เหมือนจุงกิครับ วินเซนโซ่ ผมอยากเล่นแบบนั้นเลย เพราะว่ามันมีความเท่แล้วก็ฮาในตัวด้วย เพราะว่าตัวของจุงกิ เขาบู๊ได้แบบเหมือนบู๊จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ตัวใหญ่มาก ปานกลางอะ ดูตัวเล็กนิดหน่อย แต่เขามีความสามารถในการบู๊ ฮาได้ด้วย ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่เราอยากจะทำเหมือนกัน”

วางเป้าหมายในการทำงานไว้อย่างไรบ้าง?

โฟล์ค “เป้าหมายน่ะเหรอครับ เอาจริงๆโฟล์คเป็นคนนึงที่อยากจะลองเล่นหนังโรง โฟล์คคิดว่าแบบมันท้าทายอยู่เหมือนกัน เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นแอคติ้ง โปรดักชั่น หนังโรงกับซีรีส์มันมีความต่างกัน เวลาเราทำอะไร แค่ใช้สายตา กระพริบตา หนังโรงก็สื่อความหมายได้แล้ว อยากลองเล่นเหมือนกันครับ อยากเห็นตัวเองไปอยู่ในโรงภาพยนตร์ครับ แล้วก็อยากจะมีเพลงของตัวเองครับ ช่วงนี้ก็คิดอะไรหลาย ๆ อย่างอยู่ แต่โควิดมาก็ต้องชะลอไป รับรองทุกคนได้ติดตามแน่นอน ช่วงนี้ก็อยากจะลองทำอะไรใหม่ ๆ ดู ก็หลังจากเรียนจบจะลุยให้เต็มที่ครับ”

เบ้นซ์ “เป้าหมายในวงการบันเทิงก็ยังอยากทำทุกๆโอกาสที่เราได้รับครับ ไม่ว่าจะเป็นร้องเพลง การแสดง พิธีกร ดีเจ เบื้องหน้า เบื้องหลัง อยากลองทำทุกอย่างเลยครับ เพราะว่าแต่ละอย่างมันล้วนเป็นประสบการณ์ที่เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ ทุก ๆ อย่างเป็นสิ่งที่ผมอยากทำตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ไม่ว่าจะทำงานในวงการบันเทิอะไร ผมรู้สึกว่าผมมีความสุขแล้วที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ ได้ทำทุกผลงานให้แฟนคลับได้ชื่นชมกัน ได้ทำให้ครอบครัวมีความสุขกับสิ่งที่เราทำตอนนี้ด้วยครับ ไม่ว่าจะอีก 10 ปี 20 ปี ก็ยังอยากทำไปเรื่อยๆครับ ยาวๆไปในวงการบันเทิงครับ”

ก่อนหน้านี้เคยมองจุดที่จะประสบความสำเร็จไหมว่าเป็นจุดไหนยังไง?

เบ้นซ์ “ผมไม่เคยคิดว่าผมประสบความสำเร็จเลย เพราะว่าผมรู้สึกว่าผมทำสิ่งที่มีความสุข แฟน ๆ ให้การสนับสนุนดีมาก ๆ ไม่คิดว่าจะมีคนมาติดตามผมเยอะขนาดนี้ เพราะว่าผมแค่ได้มาลอง ในสิ่งที่ไม่เคยลอง อย่างการแสดง เรื่องแรก ผมยังไม่เคยได้แสดงบทแฝดเลย ผมก็ได้รับโอกาสมา ก็ได้ทำมันออกมาให้ดีที่สุดในพาร์ทของการแสดง มีแฟน ๆ ชื่นชอบ ผมรู้สึกว่า เฮ้ย แค่ทำให้พวกเขามีความสุข ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ แค่นี้ก็ถือว่าผมภูมิใจและประสบความสำเร็จแล้วสำหรับผมอะ ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แค่รู้สึกว่าตัวเองภูมิใจ คนที่ดูเราอยู่ภูมิใจแค่นี้ก็พอแล้วครับ”

โฟล์ค “หลังจากที่ทำหลาย ๆ อย่างลงไปก็รู้สึกภูมิใจครับ รู้สึกว่าเฮ้ยวันๆนึงเราสามารถทำให้คนรักเราได้ขนาดนี้เลยเหรอ ตอนแรกก็ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรยิ่งใหญ่ แต่ผลตอบรับที่ให้เรามามันมากกว่าที่เราคิดไว้อีกอะครับ แค่เราได้ทำในสิ่งที่เราได้รับโอกาสมา ทำให้เต็มที่ ทำให้คนดูมีความสุข ภูมิใจ รู้สึกกลับบ้านมาเหนื่อย ๆ ทำงานมาเหนื่อย ๆ เขาได้มาดูดูสิ่งที่เราทำออกไป เขามีความสุข แค่นี้ผมก็ดีใจมาก ๆ แล้วครับ ที่ทำให้หลาย ๆ คนที่กำลังเศร้าอยู่ หรือนอยด์ ๆ อยู่ มีความสุขที่ได้เห็นเรา แค่นี้ผมก็ภูมิใจมาก ๆ แล้วครับ ก็ขอบคุณมากที่หลาย ๆ คนเข้ามาในชีวิต ขอบคุณที่เข้ามาเติมเต็มหลาย ๆ อย่างที่ทำให้ผมรู้ว่า เราสามารถทำให้อีกหลาย ๆ คนมีความสุขได้นะ เพราะก่อนหน้านี้โฟล์คไม่เคยคิดเลยว่า อาจจะเป็นจุดที่ เราจะทำให้คนอื่นมีความสุขได้หรอ ที่ผ่านมามันก็พิสูจน์ได้ว่า เฮ้ย เราทำได้นะ”

เวลาไปส่องแท็กของตัวเองในทวิตเตอร์เป็นอย่างไรบ้าง?

โฟล์ค “ผมเป็นคนที่อาจจะไม่ได้ออนไลน์จ๋า แต่โฟล์คเป็นคนที่แอบส่องตลอด แอบดูตลอด รู้เห็นทุกความเคลื่อนไหวครับ ก็รู้สึกแบบ บางทีเก็บมาคิดก็ดีใจนะ มีคน ๆ นึงรักเราได้ขนาดนี้ ทุกอินบ๊อกซ์อะ โฟล์คเห็นหมดเลย ไม่ว่าคนที่จะขอคำอวยพรวันเกิด ขอกำลังใจในการเรียน ซึ่งบางทีมันเยอะมากจนเราไม่เห็น หรือบางทีมันก็หายไป แค่ทุกคนส่งพลังความสุขไม่ว่าจะเทศกาลอะไร เขาแบบนึกถึงเราอะ เรารู้สึกขอบคุณมาก ๆ ครับ รู้สึกดีใจ แล้วก็อยากจะบอกทุกคนว่า บางทีหลาย ๆ อย่างที่ไม่ได้ตอบไป บางทีไม่ได้คอมเมนต์ตอบกลับไป โฟล์คได้รับรู้ถึงความสุข และพลังของทุกคนที่มอบให้โฟล์คครับ”

เบ้นซ์ “จริง ๆ ก็ส่องเกือบทุกวันเพราะว่าหยิบโทรศัพท์ก็มาส่องทีนึง ไม่ได้แบบส่องเยอะขนาดนั้นนะครับ ด้วยติดน้องหมาด้วย ก็ #แบตเตอรี่ของอเลิ๊ต ก็จะมีทั้งโชว์เกรดบ้าง เข้ามาตามหาเบ้นซ์อเลิ๊ตว่าหายไปไหน บางที่ผมก็ไม่ได้อัพสตอรี่ 2-3 วัน เขาก็มาตามหาในแฮชแท็กอะไรอย่างนี้ มาโชว์ผลการเรียนของตัวเอง พี่ภูมิใจในตัวหนูไหม บางคนก็มาขอกำลังใจว่าอยากทำงาน อยากมีกำลังใจในการใช้ชีวิต ก็เข้าไปส่องอยู่ แล้วก็แต่ละคนก็ให้กำลังใจในแบบของตัวเอง ก็มีวันว่าง ๆ ที่จะเข้าไปทอล์คคุย อย่างล่าสุดก็ไปตามทุกคนกลับด้อมครับ เพราะว่าทุกคนหนีผมไปหมดแล้วครับ ผมก็เลยไปตามหาว่า เอ๊ะ ไปชอบใครอยู่น้า ก็ไปแซว ๆ เขาในทวิตเตอร์ ก็ร้อนตัวกันใหญ่เลยนะครับตอนนี้ (หัวเราะ) ผมเป็นคนหวงแฟนคลับครับ ไปเช็ค คนนี้ไปหาใครมาอะไรอย่างนี้ครับ แอบส่อง ๆ อยู่ครับ ไม่พูดมากครับให้เขารู้ตัวเอง ยังไงก็รักทุกคนเหมือนเดิมครับ แล้วก็ขอให้ทุกคนสนับสนุนผลงานของเราไปเรื่อย ๆ ขอให้ทุกคนตั้งใจเรียนด้วย สำหรับคนที่มองเราเป็นไอดอลในเรื่องการเรียน จริง ๆ ผมแค่เป็นส่วนเล็ก ๆ ที่ทำให้เขาทำเกรดได้ดีขนาดนั้น แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว อยากให้ทุกคนภูมิใจในตัวเองนะครับ ไม่ใช่เพราะผม แต่เป็นเพราะพวกคุณที่ตั้งใจครับ เก่งมาก ๆ ครับ”

อยากให้มองกันและกัน โฟล์คมองเบ้นซ์เหมาะกับเพลงแนวไหนเพราะอะไร?

โฟล์ค “ความจริงโฟล์คว่าพี่เบ้นซ์น่าจะเหมาะกับเพลงช้า เพราะ ถ้าทุกคนได้ฟังเนื้อเสียงของพี่เบ้นซ์จริง ๆ อะ เสียงพี่เบ้นซ์จะมีความเป็น ลม ๆ นิดนึง ปลายเสียงอะไรอย่างนี้ เลยคิดว่าถ้าเพลงช้า ๆ สบาย ๆ น่าจะน่าฟังครับ”

เบ้นซ์ “ชอบเพลงช้าอยู่แล้วครับ อยากที่จะร้องเพลงเศร้าคือเราเสพติดความเศร้าอยู่ คือปีนี้เบ้นซ์ตั้งเป้าหมายว่าจะปล่อยเพลงช้า แล้วก็เพลงเศร้าหมดเลยครับ น้ำตาไหลนองเลยปีนี้ จริงๆโฟล์คชอบเสพติดความเศร้า เป็นคนที่ชอบฟังเพลงแบบเศร้าๆ โฟล์คเคยบอกผมว่าชอบฟังเพลงเศร้าเวลาอยู่ในรถ”

โฟล์ค “ คือเราก็ชอบฟังเพลงเศร้า แต่ในชีวิตจริงเราก็ไม่อยากเศร้าหรอก ชีวิตคนเราอะมันก็ต้องมีมุมที่เราอยากอยู่กับตัวเอง อยากนั่งเหม่อ ๆ อะไรอย่างนี้(ยิ้ม)”

เบ้นซ์คิดว่าโฟล์คเหมาะกับเพลงแนวไหนเพราะอะไร?

เบ้นซ์ “ก็อย่างที่โฟล์คบอกเลยครับ โฟล์คเขาชอบเพลงช้าแล้วก็เพลงเศร้าอยู่แล้ว ผมเคยได้ยินโฟล์คว่าชอบแนวเพลง พี่ออฟ ปองศักดิ์ โฟล์คมีลูกคอดีครับ ถ้าโฟล์คออกซิงเกิ้ลมาผมเชื่อว่าลูกคออลังการมาก อยากให้ทุกคนได้ฟังโฟล์คเป็นคนร้องแอดลิป ลูกคอดีครับ”

ฝากผลงานสักหน่อย?

โฟล์ค “ก็อยากฝากให้ทุกคนติดตามผลงานของผมด้วยนะครับ อยู่ด้วยกันไปนานๆนะครับ”

เบ้นซ์ “ผมก็ขอฝากทุกคนติดตามผลงานละคร เพลง ซีรีส์ของผมด้วย ที่สำคัญมีอะไรก็มาคุยกันได้ในไอจี @bbenzalert ครับ”

แหม…เรียกว่าจัดเป็นคู่พี่น้องที่น่ารัก น่าหยิกสุดๆไปเลย แถมยังเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและทัศนคติดีมากๆอีกด้วย ไม่รู้จะอวยอะไรเลยจ้า เพราะทุกอย่างมันชัดเจนในความแสนดีไปหมดแล้ว แฮร่ๆยังไงก็รักสองหนุ่มไปนานๆนะจ๊ะ

————————————

คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย “yimyim”

ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @bbenzalert