“มองไกล เห็นใกล้” ปัจจุบัน “เนื้อหมู” ที่ขึ้นราคาสวนทางรายได้ ซ้ำสินค้าหลายชนิดต่อคิวพาเหรดทยอยปรับขึ้นราคา หันซ้ายแลขวาก็ “แพง” ไปซะทุกอย่าง…เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

แหมๆ… มันช่างประเดประดังถูกจังหวะเสียยิ่งกระไร กรรมของคนไทยแท้ๆ กว่าจะหาเงินได้แต่ละบาทก็ว่ายากแล้ว ยังต้องมาอดอยากปากแห้ง ในยุคที่ข้าวยากหมากแพงเสียอีก วกกลับเข้ามาที่ประเด็นเรื่อง “หมูๆ” ที่ส่อเค้าว่า “ไม่หมู” แต่เดิมเคยซื้อราคา กก.ละ 130-150 บาท แต่ตอนนี้พุ่งทะยานไป กก.ละ 220-240 บาท จนเกิดคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่??  

หลายเสียงสะท้อนบอกต้นตอมาจากโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever) หรือ ASF แต่จริงหรือมั่วชัวร์หรือไม่ ไม่มีใครรู้ และหากสาเหตุไม่ได้มาจากเรื่องนี้จริง คงไม่มีสัญญาณเตือนจากภาคีคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย 14 สถาบัน ถึงกรมปศุสัตว์ ในข้อห่วงใยต่อสถานการณ์โรคระบาดและการควบคุมโรคในสุกร ส่วนใจความของเอกสารเป็นอย่างไร…ส่วนตัวขอไม่เล่าความ เพียงแต่ตั้งคำถามว่าหากเป็นดังนั้นจริง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำอะไรกันอยู่?

ภาษิตโบราณท่านว่าไว้ “ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิดก็ยังไม่มิด” นับประสาอะไรหมูตายไปหลายล้านตัว ต่อให้เอาใบบัวมาปิดให้มิดก็ต้องใหญ่มาก ต้องรอให้เรื่องแดงก่อนกระนั้นหรือ ถึงกระเหี้ยนกระหือรือออกมาแก้ไข แทนที่ท่านๆ ทั้งหลายจะเร่งหาทางกลับผลักภาระให้กับประชาชน ทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ต้องมาแบกรับต้นทุนที่พุ่งหนำซ้ำขาดทุนจากโรคร้าย เท่านั้นไม่พอ ผู้บริโภคยังต้องมาต้องทนอยู่กับภาวะของแพงค่าแรงต่ำ พลันจะบอกให้หันไปรับประทานเนื้อไก่ เห็นทีไม่ตอบโจทย์ สินค้าทุกประเภทต่างขยับราคาขึ้น เหลือก็แต่…บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้นที่คงราคาเดิม   

ต้องยอมรับนะครับว่า ต่อให้ไม่มีโรคระบาดราคาหมูในท้องตลาดก็แพงอยู่ดี ที่ผ่านมาเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูแบกรับไม่ไหว ต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้นจากอาหารสัตว์ที่ปรับราคาเพิ่ม หนำซ้ำถูกกดราคาอ้างเป็นไปตามกลไกตลาดทำให้เกษตรกรในระบบลดลงกว่าครึ่ง จำต้องควบคุมราคาให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ในทางกลับกันหากรัฐเข้ามาอุดหนุนและกำหนดราคา แนวทางนี้จะทำได้เพียงระยะสั้น สูญเสียงบประมาณจำนวนมาก

ลำพังจะนำเข้าหมูเพื่อแก้ไขปัญหา “หมูแพงและขาดตลาด” ก็มิต่างอะไรกับการขายผ้าเอาหน้ารอด แก้ที่ปลายเหตุ เกาไม่ตรงจุด ทางที่ดีรัฐควรชดเชยให้เกษตรกรที่ขาดทุนควบคู่ส่งเสริมการสร้างรายได้ จัดหาวัคซีนป้องกัน รวมทั้งให้เกษตรกรกู้เงินระยะสั้นเอาไปพัฒนาฟาร์มเพื่อป้องกันโรค แต่หากจำเป็นต้องนำเข้าจริงๆก็ต้องทำ เพื่อให้เกิดสมดุลไม่ให้กระทบต่อผู้เลี้ยงสุกรด้วยกัน

นี่แว่วมาว่า…ไข้หวัดนกก็ส่อระบาดอีกครั้ง หากไม่เร่งแก้ระวังเกิดวิกฤติซ้อนวิกฤติ เรื่องหมู อาจไม่หมูอีกต่อไป…เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!!!!

นายอัคคี