ที่กระทรวงพลังงาน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 ก.พ.​ ความคืบหน้าล่าสุดเหตุการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยและสมาชิก ได้จัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์พลังของคนรถบรรทุกครั้งสุดท้าย หรือ ทรัคทาวเวอร์ไฟนอลซีซั่น (Truck Power Final Season) บริเวณหน้ากระทรวงพลังงาน ข้างถนนวิภาวดีรังสิต หลังจากช่วงปลายปี 64 ได้มายื่นหนังสือให้กระทรวงพลังงาน ช่วยเหลือราคาพลังงานไปแล้วครั้งหนึ่ง  

ครั้งนี้จึงได้เดินทางมาทวงถามข้อร้องเรียนรวมทั้งแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ร่วมขับไล่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ให้ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่สามารถแก้ปัญหาโครงสร้างราคาน้ำมันให้ดีขึ้นได้

ส่วนบรรยากาศการจราจรยังคงสามารถใช้การได้ปกติ บนถนนวิภาวดีรังสิต ทั้งขาออก และขาเข้า โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่สัญจรไปมา

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวระหว่างร่วมกิจกรรม Truck Power Final Season ที่ได้นำรถบรรทุกมาร่วมแสดงพลังงานที่กระทรวงพลังงานว่า ครั้งนี้ได้ยกระดับการขับไล่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เนื่องจากที่ผ่านมาได้เรียกร้องให้บริหารจัดการราคาน้ำมันโดยเฉพาะดีเซลมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างใด และกลับพบว่าระดับราคาสินค้าในทุกๆ อย่างแพงขึ้นดังนั้นจึงให้เวลา 7 วันว่า กระทรวงพลังงานหรือรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาดีเซลแพงอย่างไร หากไม่มีคำตอบจะยกระดับการเคลื่อนไหวที่จะเป็นไม่ใช่ในนามสหพันธ์ฯ แต่จะเป็นประชาชนทั่วไป

“ถ้าถูกกดดันมากๆ ผมจะถอดหมวกจากประธานสหพันธ์การขนส่งฯ แต่จะเป็นประชาชนมาเดินลงบนถนนที่ไม่จำเป็นต้องมีเวลาเข้า-ออก และเราจะประสานเครือข่ายประชาชนต่างๆ เช่น เกษตรกรชาวนาที่ราคาข้าวตกต่ำร่วม เวลานี้ประชาชนเดือดร้อนไปหมดแพงทั้งแผ่นดิน ก่อนหน้าเราเรียกร้องให้ลดภาษีสรรพสามิตดีเซลที่เก็บสูง 5.99 บาทต่อลิตร ซึ่งรัฐบาลอื่นๆ ก็ดำเนินการแต่รัฐบาลนี้กลับเพิกเฉย แต่ไปลดให้กับสายการบินจาก 4.7 บาทต่อลิตร เหลือแค่ 20 สตางค์ต่อลิตรได้ หาก 7 วันไม่มีคำตอบ นายสุพัฒนพงษ์ควรพิจารณาตนเอง” นายอภิชาติกล่าว

อย่างไรก็ตามสหพันธ์กำลังพิจารณาที่จะปรับขึ้นราคาค่าขนส่งเพิ่มอีก 15-20% เพราะต้นทุนเดิมคิดที่ราคาดีซล 25 บาทต่อลิตร เมื่อราคาเฉลี่ย 30 บาทต่อลิตร จึงปรับขึ้น 5 บาทต่อลิตร โดยทุก 1 บาทต่อลิตรที่ปรับขึ้น จะกระทบต่อต้นทุนค่าขนส่ง 3% ดังนั้นจึงคิดเป็นค่าขนส่งที่ต้องขึ้น 15% แต่เนื่องจากราคายางล้อ อะไหล่ น้ำมันเครื่องเอง ก็ปรับขึ้นราคาผลกระทบตรงนี้ จึงต้องบวกเพิ่มไปอีก 5% รวมเป็น 20% ซึ่งทางสหพันธ์ฯ พยายามตรึงราคาไว้เพื่อไม่ให้กระทบประชาชนเพราะจะมีผลต่อราคาสินค้าให้สูงขึ้น

นายวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย กล่าวว่า วันนี้ (8ก.พ.) ได้นำรถแท็กซี่มาเรียกร้องที่กระทรวงพลังงานจำนวน 50 คัน และยื่นหนังสือต่อกระทรวงพลังงานเพื่อขอให้พิจารณาปรับลดราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ขณะนี้อยู่ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ขณะที่ราคา LPG สำหรับภาคขนส่งอยู่ที่ 13.50 บาทต่อ กก.โดยให้ลดราคา NGV ไม่เกินกก.ละ 10 บาท และ LPGไม่เกิน กก.ละ 9 บาท

“เรามายื่นหนังสือเพื่อส่งต่อให้ รมว.พลังงาน เสร็จก็กลับ ไม่เกี่ยวกับสหพันธ์การขนส่งฯ และเราก็ไม่ได้กดดันให้ลาออกอะไร สิ่งที่มาร้องเพราะเวลานี้ลำบากแท็กซี่ที่มี 8.5 หมื่นคัน พอโควิด-19 ไม่มีนักท่องเที่ยว เหลือวิ่งแค่ 2 หมื่นคัน ตอนนี้ดีขึ้นมาหน่อยเป็น 5 หมื่นคัน แต่รายได้เฉลี่ยแค่วันละ 800 บาท เจอค่าก๊าซฯ ก็ 500 บาทต่อวันแล้ว เหลือรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ ท่ามกลางสินค้าต่างๆ ก็แพงขึ้น” นายวิฑูรย์กล่าว