เมื่อวันที่ 21 ก.พ. จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Ploen Ishida’ โพสต์คลิปวีดีโอเหตุการณ์ที่ชายคนหนึ่งทำร้ายโชเฟอร์แท็กซี่ โดยในรถมีลูกของผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว อายุ 2 ขวบ กับ 7 ขวบนั่งอยู่ และเมื่อไปแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่รับแจ้งความเนื่องจากไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นภายในรัชดาภิเษกซอย 7 แยก 13 วันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ต่อมานายวิชัย อายุ 42 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.พงศธร วงศ์ธรรมนันท์ สว.(สอบสวน) สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อต่อมาคือนายณัฐพล อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง

หนุ่มหัวร้อนขอโทษแล้ว ทุบรถต่อยแท็กซี่ต่อหน้าเด็ก แม่ร่ำไห้ ตร.ไม่รับแจ้ง

นายวิชัย กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนขับรถมารับผู้โดยสารตามปกติ โดยเด็กขึ้นรถไปก่อน จากนั้นผู้ต้องหาก็มาโวยวายว่าตนไม่เปิดไฟเลี้ยวและด่าทอตน จากนั้นก็ทุบรถ แม่ของเด็กก็ขอร้องว่ามีเด็กอยู่ในรถและได้นำเด็กออกไปก่อน ตนก็พยายามพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ แต่สุดท้ายผู้ก่อเหตุเปิดประตูรถและทำร้ายร่างกายตน แต่ตนไม่ได้ตอบโต้อะไรไป ซึ่งตนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แค่บอบช้ำบริเวณลำตัว ตอนแรกไม่แจ้งความเพราะไม่อยากมีเรื่องมีราว อยากอยู่แบบสงบสุข อะไรที่ให้อภัยได้ก็ให้อภัย ขณะนั้นตนก็ตกใจ โชคดีที่ผู้ก่อเหตุไม่มีอาวุธ ตนไม่โกรธเคืองแต่อย่างใด แต่ไม่อยากให้ไปทำแบบนี้กับใคร อยากให้ปรับปรุงตัวใหม่ มีสติ จะไปหาเรื่องใครสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ อยากให้พูดคุยกันก่อน

ต่อมานางเพลิน อายุ 31 ปี เจ้าของโพสต์ดังกล่าว เดินทางมาที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ได้เชิญตัวผู้ก่อเหตุรายนี้มาสอบถามแล้วตั้งแต่ช่วงบ่าย ทั้งนี้เมื่อนายณัฐพลพบนางเพลินได้ยกมือไหว้ขอโทษ

โดยนายณัฐพล ยอมรับว่า ขณะเกิดเหตุตนเมาสุรา และกำลังเดินทางไปซื้อสุราที่ร้านขายของชำก็มาพบรถแท็กซี่กำลังรับผู้โดยสารโดยที่ไม่เปิดไฟจนก่อเหตุดังกล่าว มารู้ข่าวเพราะมีคนโทรฯ มาบอกเมื่อเช้า รู้สึกเสียใจ และได้ขอโทษนางเพลินแล้ว ตนไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย ที่ทำไปเป็นเพราะว่าเมาสุรา หลังจากนี้จะไม่กินเหล้าแล้ว

ด้านนางเพลิน กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ตำรวจได้ตัวผู้ก่อเหตุ อยากถามว่าทำไมไม่พูดกันดีๆ หากตนผิดจริงก็ยอมรับ ทำไมถึงเกรี้ยวกราดขนาดนี้ อยากขอบคุณสื่อและโซเชียลที่ตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาได้ ทั้งนี้อยากฝากถึงผู้ก่อเหตุว่าให้ใจเย็นกว่านี้ ไม่อยากให้ทำแบบนี้กับใครอีก ไม่อยากให้มาสำนึกผิดและนำกระเช้ามาไหว้ทีหลัง หากทำผิดก็ต้องยอมรับผลการกระทำ

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายณัฐพล 3 ข้อหา ได้แก่ ทำร้ายร่างกาย, ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และเมาสุราก่อความวุ่นวาย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.