หลังจากที่ “ไฮโซปอ” และ “โรเบิร์ต” ผู้ต้องหาคดี “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงษ์ นางเอกสาวที่ตกเรือเสียชีวิต ได้ซุ่มเงียบปลงผมบวชพราหมณ์เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 มี.ค. ณ ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย สถานที่ปฏิบัติธรรม ใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นสาขาของ “วัดท่าไม้” ทำเอาวัดท่าไม้ ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนทำให้คนที่เคยศรัทธากับวัดท่าไม้ ต่างร่วมมือร่วมใจกันแกะสติกเกอร์วัดท่าไม้ทิ้ง ขณะที่ชาวโลกออนไลน์ ก็กลายเป็นเทรนด์ ติดสติกเกอร์แบบเหน็บแนม อย่างเช่น วัดแซ่บไม้ วัดเส้าหลิน วัดระยะ เป็นต้น

เมื่อวันที่ 18 มี.ค. เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิสิริสาโร หลวงพี่อุเทน โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2563 โดยบอกเล่าประวัติของพระอาจารย์อุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้

สำหรับ พระญาณวิกรม (อุเทน สิริสาโร)  หรือ หลวงพี่อุเทน เกิดปีเถาะ เมื่อวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ที่บ้านเลขที่ 20/1 บ้านห้วยกรด ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แต่ต่อมาย้ายมาอยู่ใกล้วัดศรีมหาโพธิ์ ที่อำเภอศรีมหาโพธิ์ ธิ์ ในจ.นครปฐมเหมือนกัน

บิดาของพระอาจารย์อุเทนชื่อ พิทักษ์ ส่วนมารดาชื่อ ประหล่ำ เดิมใช้ แซ้ล้อ แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็น นโรตมางกูร บุพการีทั้งสองมีลูกสามคน คนโตเป็นผู้ชาย ตัวของพระอาจารย์เป็นคนกลาง ส่วนคนสุดท้องเป็นน้องสาว

อยู่มาวันหนึ่ง พ่อของพระอาจารย์ซึ่งปกติเป็นคนไม่เชื่อพระ แต่เชื่อพวกซินแส เชื่อหมอดู เกิดได้ไปดูดวงกับซินแส ซึ่งบอกพ่อของพระอาจารย์ ว่าจะมีตัว ล่องจุ๊น มาเกิดและจะทำให้ครอบครัวตกอยู่ในวิกฤติ ต้องล้มละลาย ซึ่งความจริงขณะนั้นพ่อของพระอาจารย์ยังไม่ทราบว่าแม่ตั้งท้องอยู่ เมื่อกลับมาถึงบ้านได้ถามแม่ว่าท้องหรือเปล่า เเม่ซึ่งทราบนิสัยของพ่อดีอยู่ก็ตกใจ จึงได้บอกปัดไปก่อนว่าไม่ท้อง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อท้องโตขึ้นเรื่อยๆ พ่อก็ได้รู้ความจริงในที่สุด

ในขณะที่ตั้งท้องพระอาจารย์อยู่นั้น ที่บ้านมีปัญหาหลายอย่างทั้งไฟไหม้ มีโจรปล้น เป็ดไก่ที่เลี้ยงไว้ก็ล้มตาย รถบรรทุกสิบล้อที่มีให้เช่าก็ขาดทุน ด้วยความเชื่อตามคำทำนายของซินแส พ่อของพระอาจารย์จึงบังคับลากแม่ไปทำแท้ง ไปซื้อยามาต้มให้กินเพื่อให้แท้ง แต่เข้าใจว่าหมอคงให้ยาไม่แรง หรือไม่ก็เป็นเพราะตัวพระอาจารย์อุเทนเองจะต้องได้มาเกิด จึงยังคงรอดชีวิตอยู่ในครรภ์

แต่ถึงแม้จะยังมีชีวิตอยู่ในท้อง แม่ของพระอาจารย์ก็เล่าว่าเพราะฤทธิ์ยาที่ต้องกินเข้าไปทำให้ระหว่างนั้นพอลุกเดินเลือดก็ไหลออกมาทุกวัน อีกทั้งยาย (ซึ่งเป็นหมอตำแย) ก็ได้รับคำสั่งให้บีบคั้นท้องเพื่อจะให้เด็กหลุดออกมาให้ได้ แต่ก็ยังไม่ออกมา

ตลอด 9 เดือน ที่แม่ของพระอาจารย์อุเทนตั้งท้องมา มีเลือดไหลออกมาตลอด เจ็บปวดทรมานมากกว่าจะได้คลอด กระทั่งได้ 9 เดือนกว่า จึงคลอดที่บ้าน เมื่อคลอดออกมาแล้ว ปรากฏว่าพระอาจารย์ มีสภาพเหมือนลูกกรอก เหมือนเด็กที่ตายแล้ว ใครๆ มาเห็นกว่าบอกว่าเด็กนี่ไม่รอดแล้ว พ่อของพระอาจารย์อุเทนจึงขุดดินเพื่อจะเอาไปฝัง แต่ยายซึ่งเป็นหมอตำแยเอาสมุนไพรมาโปะตามตัวรวมทั้งหยอดยาใส่ปากให้ด้วย

และประวัติยังเปิดเผยว่า ช่วงที่พระอุเทนเกิดเป็นช่วงที่ครอบครัวลำบากมากที่สุด ต้องพึ่งข้าววัด บ้านหลังคารั่วผุ เวลานอนต้องเอาถุงมาพับหนุนหัวนอน ได้กินแต่น้ำข้าวเพราะแม่ไม่มีนมให้กิน

เมื่อเจริญวัย ก็เป็นเด็กที่เรียนเก่ง แต่เนื่องจากฐานะยากจน เมื่อเรียนจบชั้นประถม 6 มีครูเคยพาไปสมัครเรียนต่อเพราะเห็นว่าพระอุเทนเรียนเก่ง แต่ถูกแม่ขอว่าอย่าไปเลย เพราะไม่มีคนช่วยทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว ซึ่งพระอุเทนทำงานตั้งแต่เรียนอยู่ประถม 1

หลังจากนั้น พระอุเทนก็ยังวนเวียนหางานทำ เพื่อเลี้ยงดูแม่และครอบครัวต่อไป กระทั่งแม่มาล้มป่วยจากโรคมะเร็ง จึงมีญาติมาแนะนำให้บวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของแม่ ซึ่งก็ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดท่ากระบือ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2540 มีพระครูสิริธรรมสาครธรรม เจ้าอาวาสในขณะนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งกุศลจากการบวชสามารถยื้อชีวิตของแม่มาได้ประมาณ 2-3 ปี

ต่อมา เมื่อแม่ของพระอุเทนล้มป่วยอีกครั้ง และครั้งนี้เห็นทีจะไม่รอดแล้ว จึงขอกับพระอุเทน

“เห็นไหม … ในที่สุดก็ไม่มีอะไรเหลือเลย เอาอะไรไปด้วยไม่ได้เลย แม้แต่ร่างกายที่ผ่ายผอมนี้ก็เอาไปไม่ได้” จากนั้นแม่ของพระอาจารย์ก็ออกปากขอว่า “ไม่สึกได้ไหม” ซึ่งพระอุเทนก็รับปากและบวชมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งพระอุเทนศึกษาพระปริยัติธรรมจนจบระดับนักธรรมชั้นเอก และด้านปรัชญาจาก ม.ราชภัฏวไลยอลงกรณ์

ทั้งนี้หลวงพี่อุเทน วัดท่าไม้ ถือว่าได้สร้างแรงยึดเหนี่ยวจิตใจของเหล่าคนดัง ซึ่งเรามักจะพบเห็น หรือจะได้ยินข่าวคราวว่า มีดาราหลายคนแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน หรือปรึกษาชีวิตกับท่าน โดยทางพระอุเทน ได้กล่าวว่า ที่เป็นเช่นนั้น “เนื่องจากตนมีอายุไล่เลี่ยกับพวกเขา ทั้งยังเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง จึงสามารถให้คำปรึกษาในสิ่งที่หลายคนไม่สบายใจได้” คนดัง ดังกล่าวไม่ว่าจะเป็น อั้ม พัชราภา, เอ ศุภชัย, ณเดชน์ และญาญ่า รวมถึงนักการเมืองอีกหลายคน ต่างให้ความเคารพกันเป็นอย่างมาก

อีกทั้ง หลายคนยังนิยมมาดูดวง โดยเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล นอกจากนี้แล้วท่านยังเป็นผู้ที่มักจะให้คำทำนายรวมถึงดวงชะตาบ้านเมืองด้วยเช่นกัน ไม่แปลกที่หลายคนจะหันมาเคารพนับถือท่านกันอย่างล้นหลาม

ส่วนเรื่องของ สติกเกอร์ท้ายรถ ที่มีลูกศิษย์ลูกหาแห่นำไปติดรถเป็นจำนวนมากและกลายเป็นประแสแม้ว่าในปัจจุบันจะไม่ฮิต โดยทางหลวงพี่อุเทน เคยพูดเอาไว้เมื่อปี 60 ว่า การทำสติกเกอร์ ได้แรงบันดาลใจจากการที่เจ้าอาวาส เคยพบเห็นสติกเกอร์ท้ายรถรูปวัดหลวงพ่อโสธรที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งทำขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้คนรู้ว่าเป็นศิษย์หลวงพ่อโสธร ก็เลยทำสติกเกอร์วัดท่าไม้บ้าง เพื่อให้รู้ว่าคนมาวัด และเพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่รู้ด้วยว่าคนแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ มาทำบุญจะได้ช่วยอำนวยความสะดวก ส่วนสติกเกอร์ของวัดท่าไม้จะแบ่งออกเป็น 2 สี ได้แก่ สีเหลืองใช้ติดสำหรับรถของคนที่มาถือศีล มารักษาศีล ส่วนสติกเกอร์สีขาวใช้สำหรับคนที่มาไหว้พระ ทำบุญ

ขอบคุณเพจ มูลนิธิสิริสาโร หลวงพี่อุเทน

อ่านรายละเอียดทั้งหมดที่นี่