เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านนาโดน หมู่ที่ 4 ต.ขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม พบต้นลิ้นจี่ ต้นกำเนิดสายพันธุ์ชื่อดัง นพ.1 มีอายุเกือบ 70 ปี ขนาดลำต้นความสูงประมาณ 10 เมตร ลำต้นเส้นรอบวงประมาณ 2 เมตร ซึ่งเป็นต้นลิ้นจี่ ที่ขยายพันธุ์จากการพัฒนาด้านผลผลิตทางการเกษตร จากการปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์ จนกลายมาปลูกด้วยกิ่งตอน จนได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อย เนื้อกรอบ หวานฉ่ำ เปรี้ยวอมหวาน อร่อยไม่แพ้ผลผลิตจากภาคเหนือ เป็นสินค้าเกษตร GI บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ อีกทั้งกลายเป็นอาชีพหลักสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ต.ขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม มายาวนานกว่า 60 ปี ทำให้ปัจจุบันพื้นที่ตลอดแนวริมฝั่งน้ำโขง มีการปลูกลิ้นจี่สายพันธุ์ดัง นพ.1 มากกกว่า 1,500 ไร่ สร้างรายได้มหาศาลปีละกว่า 100 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาหลาย 10 ปีที่ผ่านมา

โดย นายวีระ สุทธิโสม อายุ 83 ปี อดีตข้าราชการสังกัดกรมไปรษณีย์ เป็นเจ้าของต้นลิ้นจี่ต้นกำเนิดสายพันธุ์ นพ.1 อายุมากเกือบ 70 ปี ปัจจุบันยังสามารถเก็บผลลิตและให้ลูกหลานชื่นชมได้ในทุกปีนั้น ถูกปลูกไว้ที่ข้างบ้านเลขที่ 48 บ้านนาโดน ต.ขามเฒ่า อ.เมือง นครพนม ซึ่งทาง นายวีระ เจ้าของได้เล่าประวัติให้ฟังว่า ย้อนไปเมื่อปี 2499 ช่วงที่ตนบวชเรียนเป็นสามเณรที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ได้มีญาติโยมนำลิ้นจี่สายพันธุ์ทางภาคเหนือ มาถวาย หลวงปู่จันทร์ เขมิโย เจ้าอาวาส พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ตนจึงได้ชิมแล้วมีรสชาติดี จึงเกิดความคิดนำไปปลูกไว้ที่บ้าน 4 ต้น เพราะคิดว่าจะปลูกไว้กินในบ้าน ปัจจุบันเหลือเพียงต้นเดียว ไม่คาดคิดว่าจะกลายเป็นสายพันธุ์ดัง นพ.1 ที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน หลังจากปลูกไว้ประมาณ 10 กว่าปี ได้เริ่มออกผล และมีรสชาติอร่อย

นายวีระ เล่าอีกว่า ต่อมาในปี 2517 สถานีทดลองพืชสวนนครพนม ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์วิจัยพัฒนาการเกษตรจังหวัดนครพนม ได้มาศึกษาวิจัย ทำกิ่งตอน จนเป็นสายพันธุ์ลิ้นจี่ชื่อดัง นพ.1 ที่ให้ผลผลิตลูกดกมีคุณภาพ รสชาติอร่อย ไม่แพ้ลิ้นจี่ทางภาคเหนือ และมีการขยายผลออกสู่ชุมชนให้ชาวบ้านปลูกเป็นอาชีพสร้างรายได้ มาถึงปัจจุบัน บางครอบครัวมีพื้นที่ปลูกเยอะ สามารถสร้างรายได้ทำเงินปีละนับล้านบาท โดยต้นลิ้นจี่ต้นแรก จุดกำเนิดสายพันธุ์เพียงต้นเดียว สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนมหาศาล รวมปีละประมาณ 100 ล้านบาท ตนรู้สึกภาคภูมิใจมากที่ได้นำเมล็ดมาปลูกไม่คิดว่าจะกลายเป็นพืชผลทางการเกษตรที่สร้างรายได้ให้ชุมชน มาถึงปัจจุบัน

ด้าน นางวันเพ็ญ สิงห์ทอง อายุ 38 ปี เกษตรกรสวนลิ้นจี่บ้านนาโดน เปิดเผยว่า ระหว่างเดือนมีนาคม จนถึงเดือนเมษายน ของทุกปี ถือเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตลิ้นจี่ในพื้นที่ เพื่อส่งออกขายเยอะสุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อีกทั้งปีไหนอากาศหนาวจัดในช่วงต้นปี จะทำให้ต้นลิ้นจี่ออกดอกมากและผลดกมาก การเก็บผลผลิตต่อไร่ จะตกไร่ละประมาณ 1.5 ตัน หรือ 2 ตัน การดูแลถือว่าง่าย ให้น้ำปุ๋ยเหมือนพืชการเกษตรทั่วไป ที่สำคัญพื้นที่ ต.ขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม มีความได้เปรียบเป็นพื้นที่ดินติดน้ำโขง ทำให้ผลผลิตดี ลูกดอก ผลโต และมีรสชาติอร่อยกว่าพื้นที่อื่น ส่วนราคาหน้าสวนซื้อขายราคากิโลกรัมละ 80 บาท มีพ่อค้าแม่ค้าคนกลางมารับซื้อตลอด ไม่มีปัญหาเรื่องการตลาด ในช่วงที่ไม่ติดเรื่องโควิดระบาด จะมีพ่อค้าทางประเทศจีนมาเหมารับซื้อจากสวนจนหมดทุกปี แต่ในปีนี้ขายในประเทศถือว่าขายได้หมดเช่นกัน เพราะผลผลิตมีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด บางรายสร้างรายได้ปีละนับล้านบาท ที่สำคัญการปลูกใช้ระยะเวลาแค่ 2 ปี จากกิ่งตอนสามารถเก็บผลผลิตได้ และเก็บผลผลิตต่อเนื่องทุกปี นานมากกว่า 20 ปี ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนมาก