เมื่อวันที่ 29 ก.ค. วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ไต่สวน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ในสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ กรณีเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 150 และกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 จากกรณีนายเรืองไกร ได้ไพสต์ Facebook คู่รถเมอร์เซเดสเบนซ์ โดยมีข้อความระบุว่า “ผู้ใหญ่ใจดีให้เงินซื้อรถใหม่เอาไว้ใช้” เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2564 นอกจากนั้นยังปรากฏภาพแคชเชียร์เช็ค ของธนาการกรุงเทพ สั่งจ่ายนายเรืองไกร เป็นจำนวนเงิน 25 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2564 จึงทำให้ปรากฏหลักฐานอันเชื่อได้ว่านายเรื่องไกรได้กระทำความผิด เนื่องจากนายเรื่องไกร ถือเป็นเจ้าพนักงานตาม ประมาลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (16) เพราะได้รับแต่งตั้งจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณฯ ดังนั้นการที่นายเรื่องไกรได้รับแคชเชียร์เช็คมูลค่า 25 ล้านบาท รวมถึงรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท จึงเป็นการเสื่อมเสียต่อกรรมาธิการและสภาผู้แทนราษฎรและยังขัดต่อมาตราฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ข้อ 10 ซึ่งถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามข้อ 256

โดยก่อนหน้านี้นายเรืองไกร เคยเป็นกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ในสัคส่วนของพรรคเพื่อไทย จึงเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐพันจากตำแหน่งยังไม่ถึงสองปี รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใจอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้ใด ฯลฯ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 และกรณีผู้ใหญ่ใจดีที่นายเรืองไกรกล่าวถึงอาจมีความผิคตามมาตรา 176 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตามนายวีระ ระบุอีกว่า เชื่อได้ว่าเงินจำนวน 25 ล้านบาท และรถเมอร์เซเดสเบนซ์รุ่น S 560 ป้ายแดงนายรืองไกร ได้มาจากการได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการย้ายพรรคการเมือง และกรรมาธิการงบประมาณฯ หรืออาจจะมีข้อตกลงแลกเปลี่ยนอื่นใดเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ การกระทำของนายเรืองไกร จึงอาจเป็นความผิดตามฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 150 และตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 128 รวมถึงประมวลริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ข้อ 17 จึงขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำการไต่สวนและลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว และระหว่างที่ ป.ป.ช. ทำการตรวจสอบไต่สวน ขอให้ทำการอายัดบัญชีธนาคารและทรัพย์สินอื่นใดของนายเรืองไกรเอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน.