เมื่อวันที่ 23 พ.ค. นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวถึงการเฝ้าระวังโรคฝีดาษลิง (monkey pox) ภายหลังองค์การอนามัยโลก จัดประชุมฉุกเฉินรับมือโรคฝีดาษลิง ว่า สธ.ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (EOC) กรณีโรคฝีดาษลิง เพื่อเฝ้าระวัง คัดกรองผู้เดินทางจากประเทศที่มีการระบาด ช่วยให้ตรวจจับกลุ่มเสี่ยงได้รวดเร็วขึ้น และป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศไทย หลังพบการแพร่ระบาดในหลายประเทศ และสามารถติดต่อจากคนสู่คนทั้งนี้ สธ.ต้องยกระดับศูนย์เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถรับมือได้ทัน เพราะโรคนี้ยังไม่มียารักษาเฉพาะ ต้องรักษาแบบประคับประคอง

นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค

นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่สนามบิน จะมีการ คัดกรองผู้เดินทางจากแอฟริกากลาง อาทิ ไนจีเรีย และคองโก และประเทศในยุโรปที่มีการแพร่ระบาดภายในประเทศคือ อังกฤษ สเปน โปรตุเกส โดยการคัดกรองจะมีการดูว่าผู้เดินทางมีแผลหรืออาการอื่นใดหรือไม่ พร้อมแจกบัตรเตือนสุขภาพ (Health beware card) เป็นคิวอาร์โค้ดให้สแกนทุกคนที่เดินทางมาจากประเทศดังกล่าว ซึ่งจะระบุว่าหากมีอาการ เช่น ไข้ มีตุ่มให้รายงานเข้าระบบและรีบไปพบแพทย์ใน รพ.ที่ใกล้ที่สุด รวมถึง แจ้งประวัติการเดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ทราบ นอกจากนี้ยังมีการเฝ้าระวังที่สถานพยาบาลหากพบผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัยอาการเข้าได้กับโรคและมีประวัติเดินทางจากประเทศเสี่ยงที่กำลังมีโรคนี้ระบาด ให้สถานพยาบาลเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจหาเชื้อ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และรายงานเข้าระบบการเฝ้าระวัง

นพ.จักรรัฐ กล่าวถึงกรณีว่า โรคฝีดาษลิงระบาดในยุโรปว่า โรคฝีดาษลิงเกิดประปรายในแอฟริกามานานหลายปีแต่ที่ผ่านมาไม่มีคนไปนำโรคออกมานอกภูมิภาคแต่ครั้งนี้มีคนไปนำโรคออกมา ติดเชื้อมาจากประเทศในแอฟริกาและบินกลับนำเชื้อเข้ายุโรปทั้งอังกฤษ สเปน โปรตุเกส จากนั้นติดเชื้อหลายกลุ่ม แต่กลุ่มที่มีการระบาดค่อนข้างมาก ใน 100 กว่าราย มีหลายคลัสเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มชายรักชาย แต่จริง ๆ แพร่ได้หมดไม่ว่าจะเป็นใคร หากมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ทั้งนี้กลุ่มผู้ติดเชื้อที่เจอในแต่ละประเทศในยุโรปไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่เป็นการนำเชื้อมาจากประเทศแถบแอฟริกา ซึ่งเมื่อหลุดออกมาจากแอฟริกาเข้ายุโรปแล้ว จากนี้อาจเกิดการแพร่ข้ามประเทศในยุโรปกันเอง

ถามต่อว่าจะต้องมีการปลูกฝีป้องกันฝีดาษใหม่หรือไม่ นพ.จักรรัฐ ชี้แจงว่า ตอนนี้ ยังไม่ต้องปลูกฝีป้องกันฝีดาษใหม่ เนื่องจากตอนนี้ทั่วโลกไม่มีวัคซีน โรคไข้ทรพิษหรือโรคฝีดาษ (smallpox) มากเหมือนอดีตเพราะเป็นโรคที่ถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว จะมีเพียงบางประเทศที่ยังเก็บวัคซีนนี้ไว้ ส่วนประเทศไทยไม่มี กำลังประสานงานหาวัคซีนมีประเทศใดเก็บไว้บ้าง หรือถ้าจะผลิตเพิ่มต้องดูว่ามีบริษัทใดจะผลิตเพิ่มได้บ้างเพราะคงต้องใช้เชื้อ ซึ่งเชื้อ smallpox เดิมมีแค่ 2 ประเทศที่เก็บไว้ คือ สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย แต่ก็สามารถจำลองสายพันธุ์ออกมาทำวัคซีนได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวจริงทั้งนี้ คนไทยที่เกิดก่อนปี 2523 จะได้รับการปลูกฝีป้องกันฝีดาษ (smallpox) ทุกคนแต่ที่เกิดหลังจากปี 2523 จะไม่ได้รับวัคซีนนี้เพราะโรคฝีดาษถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวถาม ความเสี่ยงของการระบาดโรคฝีดาษลิงจะเป็นระดับเดียวกับโควิด-19หรือไม่ นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า น่าจะต่างกัน เพราะโควิด-19 แพร่กระจายได้เร็ว แต่แล้วแต่สายพันธุ์ ส่วนฝีดาษลิง เท่าที่ดูในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแพร่กระจายได้ค่อนข้างเร็ว ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์และข้อมูลของฝีดาษลิงเพิ่มขึ้นว่ากลไกในการติดเชื้อนอกจากการอยู่ใกล้ชิดแล้ว มีกลไกอื่นอีกหรือไม่ ต้องติดตามข้อมูลเพิ่มขึ้นพอสมควรอย่างใกล้ชิด เพราะตอนนี้มีข้อมูลน้อยมาก และทั่วโลกมีรายงานผู้ติดเชื้อเพียง 100 ราย ส่วนสายพันธุ์แตกต่างจากที่เคยเจอหรือไม่ จะต้องติดตาม

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาสตร์การแพทย์

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การติดเชื้อโรคฝีดาษลิงในคนสู่คน เกิดจากการสัมผัสแลกเปลี่ยนสารคัดหลั่ง ละอองฝอยน้ำลาย รวมถึงเลือดดังนั้นกรณีที่มีแผลทำให้ติดเชื้อได้ ฉะนั้น ความคิดว่าส่วนใหญ่จะติดเชื้อในกลุ่มคนรักร่วมเพศจึงไม่ถูกต้อง เพราะสามารถติดได้ทุกคนเป็นการติดเชื้อในลักษณะใกล้ชิดกันมาก อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อไม่ได้ง่ายเหมือนโควิด-19 และมีความน่ากังวลน้อยกว่าโรคฝีดาษคน (Smallpox) อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์ ได้ตั้งห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาเชื้อโรคฝีดาษลิงในผู้ที่สงสัยว่าจะติดเชื้อแล้ว หากผู้ที่มีผื่น ตุ่มหนองตามร่างกาย ทางสถานพยาบาลสามารถสวอป (Swab) เชื้อบริเวณแผล ส่งตรวจ RT-PCR ได้ที่แล็บซึ่งมีน้ำยาตรวจเฉพาะ และใช้เวลารอผลเหมือนกับการตรวจโควิด-19

อย่างไรก็ตาม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เคยให้สัมภาษณ์ ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคฝีดาษลิงที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้ด้วย การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ 85% โดยก่อนหน้าที่จะกวาดล้างไข้ทรพิษได้นั้น มีการฉีดวัคซีนหรือที่เรียกกันว่าการปลูกฝี ซึ่งจะช่วยป้องกันทั้งสองโรคนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เด็กที่เกิดหลังปี 2523 จะไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษมาก่อน จึงเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อโรคฝีดาษลิงมากกว่าประชากรกลุ่มอื่นๆ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422.