เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 4 มิ.ย.ที่ฌาปนสถานวัดคลองส่งน้ำ บ้านพบสุข หมู่ 5 ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา บรรยากาศพิธีฌาปนกิจศพ นักเรียนหญิงวัย 14 ชั้น ม.2/15 โรงเรียนสุรนารี   ได้อัตวินิบาตกรรมหรือฆ่าตัวตาย โดยวางกระเป๋าพร้อมถอดถุงเท้า และรองเท้าก่อนจะปืนข้ามกำแพงกั้นแล้วกระโดดจากชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ลงมาที่ดาดฟ้าชั้น 2 ของโรงเรียน สาเหตุเบื้องต้นคาดโรคซึมเศร้า เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าตรู่วันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา

โดยนายศิลปสิทธิ์ ทับทิมธงไชย อดีต ผอ.ส.ร.น ในฐานะประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน รร สร.น นายรักชาติ กิริวัฒนศักดิ์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา นายวิลาศ ดวงเงิน ผู้อำนวยการ รร.ส.ร.น ร่วมเป็นประธานทอดผ้าบังสุกุลและนายปฐมฤกษ์ มณีเนตร อดีตอดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 1 (สพป.นม.1) ฐานะ ประธานภาค 7 บริษัท สยามสไมล์โบรกเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มอบสินไหมทดแทนจำนวน 1 หมื่นบาท แก่ผู้ปกครอง

ก่อนพิธีวางดอกไม้จันทน์ ตัวแทนเพื่อนนักเรียนหญิง  ได้กล่าวคำกลอนไว้อาลัย จากนั้นได้นำศิษย์เก่ารุ่นพี่และเพื่อนร่วมส่งเสียงร้องเพลงมาร์ชโรงเรียน ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาญาติ พี่น้อง เพื่อนนักเรียน ครู และผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งมีฝนตกโปรยตลอดเวลา ส่วนผู้ปกครองทั้งพ่อและแม่ของน้องนักเรียนหญิง  ไม่สะดวกเปิดเผยข้อมูล โดยให้เหตุผลยังไม่สามารถทำใจยอมรับได้และอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ

นายอัคคชา พรหมสูตร ประธานกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนดังกล่าว กล่าวว่า คณะกรรมการเครือข่าย ฯ ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ถือเป็นภาพสะท้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เรามีความห่วงใยในสิ่งที่เกิดขึ้นและตื่นตระหนกกันทุกฝ่าย ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ จนถึงขณะนี้ยังมีการพูดคุยกับผู้ปกครองของน้องที่เสียชีวิต และช่วยเหลือเยียวยาตามขั้นตอน เนื่องจากปีการศึกษาที่ผ่านมาเรียนออนไลน์ และโรงเรียนเพิ่งเปิดเรียนเต็มรูปแบบไม่ถึงสัปดาห์ นักเรียนและครูที่ปรึกษายังมีไม่มีโอกาสพบปะเจอกัน มากนัก เมื่อมีปัญหาก็ไม่มีผู้คอยให้คำปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะวัย 14 ปี หรือ ม. 2 เป็นวัยเริ่มเปลี่ยนแปลงจากเด็กเป็นผู้ใหญ่มีความรู้สึกเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง

ส่วนพ่อแม่ในสังคมปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง สนใจในเรื่องการทำงานหาเงินเป็นหลักเพื่อส่งเสียเลี้ยงดูให้บุตรหลานมีอนาคตก้าวหน้า ขณะเดียวกันอาจละเลยไม่มีเวลาในการดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างผู้ปกครองกับนักเรียนมากขึ้น โดยธรรมชาติเด็กมักเชื่อฟังเพื่อนมากกว่าผู้ปกครอง ดังนั้นช่วยกลับหันหลังมาดูบุตรหลานมากขึ้น แม้อาจจะถูกปฏิเสธบ้าง แต่ต้องพยายามเอาใจใส่พยายามทำทุกทางเพื่อบุตรหลานเปิดใจสะท้อนปัญหาให้ฟังได้ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเยียวยาให้ดีขึ้น

ช็อกนักเรียนหญิง ม.2 โรงเรียนชื่อดังโคราช โดดอาคารเรียนชั้น 8 ดับสลด…

ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับเครือข่ายผู้ปกครองมากขึ้น กรณีบุตรหลานมีปัญหาเกี่ยวกับการเรียนและพฤติกรรมเบี่ยงเบนต่างๆ สามารถนำมาแลกเปลี่ยนกับเครือข่ายกันได้ จะช่วยลดปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ที่สำคัญต้องมีการนัดพบปะพูดคุยกับเครือข่ายบ้าง ซึ่งดีกว่าทักทายพูดคุยในโลกออนไลน์เพียงอย่างเดียว เพื่อกระชับความสัมพันธ์กัน เมื่อมีปัญหาอะไรก็มีที่พึ่งพิงไม่เผชิญปัญหาอย่างโดดเดี่ยว มุ่งหวังให้มีทัศนคติ ลูกเพื่อนทุกคนเหมือนลูกตัวเอง ผู้ปกครองและนักเรียนจะเป็นเพื่อนกันไปจนโต