เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในฐานะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิคดีแตงโม พร้อมด้วย นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน คุณแม่แตงโม เดินทางมาขอผลชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นเมื่อตอนครั้งท่าน้ำพิบูลสงคราม 1 ของนักแสดงสาวแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเพียงผลชันสูตรพลิกศพของแตงโมรอบสองเท่านั้น ซึ่งมีรายละเอียดน้อยมากจนแทบจะทำอะไรไม่ได้ โดยเอกสารที่ทางทีมต้องการจริงๆ คือเอกสารที่เป็นผลชันสูตรเบื้องต้นที่ท่าน้ำพิบูลสงคราม 1 เพราะมีความสำคัญที่จะทำให้รู้ว่าแตงโมตายไปแล้วกี่ชั่วโมง ตั้งแต่เจอศพ แล้วเป็นการตายที่ตกจากส่วนไหนของเรือ รวมถึงจะทำให้รู้ว่ามีบาดแผลอะไรบ้าง ซึ่งหัวใจสำคัญของคดีนี้ก็คือผลการชันสูตรของแพทย์ โดยก่อนหน้านี้คุณแม่ของแตงโมได้ไปขอแล้ว แต่พนักงานสอบสวนไม่ให้ โดยบอกว่าเป็นความลับทางสำนวน ซึ่งเป็นกฎกติกาที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตั้งขึ้นมา

ตนมองว่ากฎนี้ควรยกเลิกได้แล้ว เพราะไม่ใช่เป็นเอกสารลับทางราชการ แต่มันคือเอกสารที่เปิดเผยโดยมหาชน ซึ่งแม่เป็นผู้เสียหายย่อมมีสิทธิรับรู้ว่าลูกของตัวเองตายเพราะอะไร แต่กฎนี้ทำให้เสียเวลา เพราะต้องไปขอหมายศาลก่อนจึงจะขอเอกสารนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ตนจะไปขอหมายศาลเพื่อมาขอเอกสารนี้ให้ได้ เนื่องจากผลการชันสูตรศพที่ทางทีมงานได้รับมาแล้วระบุเพียงสาเหตุการตายมาจากการขาดอากาศหายใจ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ในการต่อสู้ฟ้องคดี และเคยขอกับทางตำรวจแล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ โดยตำรวจอ้างว่าเป็นความลับในสำนวน

ด้าน พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชี้แจงว่า ใบรับรองการตายถ้าทำโดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ก็จะสามารถให้ได้ แต่ครั้งนี้เป็นการไปชันสูตรพลิกศพที่เกิดเหตุแต่ส่งไปที่ทางโรงพยาบาลตำรวจ ดังนั้นทางโรงพยาบาลตำรวจจะเป็นหน่วยงานออกใบรับรองการตาย แต่ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ก็ได้มีบันทึกไว้ แต่เนื่องจากผู้ร้องขอคือพนักงานสอบสวน จึงสามารถให้ได้กับทางพนักสอบสวนเท่านั้น ส่วนที่นายอัจฉริยะเอาเอกสารรายงานการผ่าชันสูตรพลิกศพคุณแตงโมรอบสองมาให้ดู ซึ่งทาง รมว.ยุติธรรม ได้ให้ไปแล้วนั้น เนื่องจากผู้ร้องขอคือคุณแม่ จึงสามารถอนุมัติให้เอกสารการชันสูตรรอบสองได้

ขณะที่ คุณแม่แตงโม เปิดเผยว่า ดีใจที่มีทีมนี้ เพราะก่อนหน้านี้ทนายเดชาไม่ได้ช่วยอะไรคุณแม่เลย เพราะมีลูกความเยอะแยะ ก่อนหน้านี้คุณแม่เคยขอให้ทนายเดชาหาหลักฐานที่บ่งบอกว่าเป็นฆาตกรรมแล้ว แต่ทนายเดชาบอกไม่ใช่การฆาตกรรม มันไม่มีหลักฐาน ซึ่งคุณแม่ก็รู้สึกเสียดายและเสียใจมากที่เคยไปให้ทนายเดชาทำคดี คุณแม่ยังเชื่อว่าคนทำผิดต้องได้รับผลกรรมที่เขาทำทุกคน