เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ศาลอาญาพระโขนง ถนนสรรพาวุธ วันนี้ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีอาญาหมายเลขดำ อ.1668/2563 ที่ นางฮวย ศรีวิรัตน์ หรือ “อาม่าฮวย” อายุ 86 ปี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรสาว อายุ 57 ปี จำเลย กรณีเมื่อปี พ.ศ. 2560 ได้ก่อเหตุทยอยถอนเงินในบัญชีกว่า 24 ล้านบาท และถ่ายโอนทรัพย์สินอื่นๆ ขณะนางฮวยนอนพักฟื้นรักษาตัวด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบที่โรงพยาบาล เหตุเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2560 ขอให้ศาลลงโทษเรื่องลักทรัพย์

ศาลสั่งจำคุก12ปี ลูกสาวแอบถอนเงินแม่จากบัญชี 24 ล้าน ไม่รอลงอาญา

ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2564 ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุก 6 กระทง กระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 12 ปี โดยพิเคราะห์ว่า การกระทำความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีโดยใช้โอกาสที่จำเลยเป็นผู้ดูแลระหว่างโจทก์เจ็บป่วย ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ อีกทั้งเงินที่จำเลยลักไปเป็นเงินจำนวนสูงมาก นับเป็นเรื่องร้ายแรง ดังนั้น แม้ปรากฏว่าจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน กรณีก็ไม่เป็นเหตุให้รอการลงโทษ ไม่รอลงอาญา และจำเลยยื่นอุทธรณ์

ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก 12 ปี ไม่รอลงอาญา ระบุเหตุผลว่า จำเลยอาศัยความป่วยเจ็บของโจทก์ พาโจทก์ไปเบิกเงินยังธนาคารต่างๆ โดยที่โจทก์ไม่ยินยอม ทั้งการซื้อกองทุนในนามจำเลย ซื้อประกันชีวิตในนามจำเลย และนำเงินเข้าบัญชีในนามของจำเลยเอง การยักย้ายถ่ายโอนเงินของโจทก์เพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว ผิดวิสัยของผู้เป็นบุตรผู้พึงกตัญญูรู้คุณมารดา พฤติการณ์จำเลยมีเจตนาเอาเงินของโจทก์ไปโดยทุจริต ต่อมาจำเลยยื่นฎีกา

นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของนางฮวย หรือ “อาม่าฮวย” เปิดเผยว่า จำเลยขอต่อสู้ในข้อกฎหมาย ประเด็นว่า คดีลักทรัพย์บุพการี เป็นคดียอมความได้ รวมถึงจะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน ซึ่งนางฮวย โจทก์ก็ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน คดีจึงไม่ขาดอายุความ ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนจำคุกนางมาวดี จำเลยเป็นเวลา 12 ปี โดยไม่รอลงอาญา และยังถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ในคดีเกี่ยวกับการลักทรัพย์บุพการี ที่จะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน

ทั้งสองคดีเป็นคดีที่คลาสสิกมากในการนำสืบและในการอ้างพยาน ในการค้นคว้าพยานเอกสาร พยานบุคคล ในส่วนของคดีแพ่งทางธนาคารได้นำเงินมาวางไว้ที่ศาลประมาณเกือบ 200 กว่าล้านบาทแล้วซึ่งเราสบายใจแล้วเพราะในส่วนดอกเบี้ยก็เดินไปเรื่อยๆ ซึ่งคดีแพ่งอยู่ระหว่างอุทธรณ์ในส่วนคดีผู้บริโภค แต่เงินอยู่ที่ศาลยังไงเราก็ได้เงินอยู่แล้ว ในส่วนคดีอาญาอีกคดีที่มีการฟ้องพนักงานธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนางมาวดี ถึงที่สุดในวันนี้แล้วยังมีคดีที่ศาลอาญาพระโขนง คดีหมายเลขดำที่ 3228/2562 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ นางฮวย เป็นโจทก์ร่วมฟ้อง นางมาวดี กับพวกซึ่งเป็นพนักงานธนาคารรวม 5 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ปลอมแปลงเอกสาร ลักทรัพย์ จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาสุขุมวิท 101 และสาขาถนนศรีนครินทร์ กม.9 มูลค่าความเสียหายกว่า 250 ล้านบาท ศาลอาญาพระโขนง ได้พิพากษาจำคุก จำเลยที่ 1 มีความผิด ฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม และลักทรัพย์ ทั้ง 2 ข้อหารวม 84 กระทง คงจำคุกจริงรวม 20 ปี และใช้เงินคืนแก่โจทก์ 123 ล้านบาท จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานปลอม และใช้เอกสารปลอม จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา จำเลยที่ 2, 3, 5 ยกฟ้อง ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์