เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ขณะนี้จำนวนเสียงของรัฐบาลค่อนข้างมีเสถียรภาพดูจากกฎหมายงบประมาณ ซึ่งแรกๆ ก่อนที่จะพิจารณากฎหมายงบประมาณเรากังวลงบประมาณจะเป็นอย่างไร แต่ในที่สุดรัฐบาลผ่านเรื่องงบประมาณมาได้ ด้วยเสียงที่มีค่อนข้างที่บ่งบอกถึงเสถียรภาพของรัฐบาลและจากวันที่งบประมาณมาจนถึงวันนี้ดูแล้วยังไม่ได้มีอะไรที่จะดูเหมือนว่าทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลลดน้อยลงไปในเรื่องของเสียงที่จะยกมือ

ส่วนการอภิปายไม่ไว้วางใจนอกจากเรื่องเสถียรภาพแล้ว บางทีมันเป็นเรื่องข้อเท็จจริง เป็นเรื่องเหตุและผล เพราะฝ่ายค้านเขาทำหน้าที่ตรวจสอบ ฉะนั้นประเด็นอะไรที่ฝ่ายค้านจะหยิบมาพูดวันนี้เรายังไม่เห็น แต่ว่าวันอภิปรายบางทีเรามักจะใช้สำนวนว่า มีใบเสร็จหมายความว่า ชัดเจนว่ามีความบกพร่องเรื่องนี้ ฉะนั้นถ้ามีความชัดเจนขึ้นมามันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว แต่ว่าโดยเสถียรภาพของรัฐบาลตนว่าพื้นฐานนี้ยังถือว่าโอเคแต่ว่าคงจะตอบอะไรวันนี้ไม่ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับเนื้อหาสาระ เหตุผล และความหนักแน่นของประเด็นในการอภิปราย

“อย่างไรก็ตามผมมองว่าการอภิปรายฯ เที่ยวนี้มีความสำคัญ เพราะว่าเป็นการอภิปรายฯ ที่อยู่บนท่ามกลางวิกฤติเป็นครั้งแรกที่เหมือนกับเป็นการอภิปรายฯ ท่ามกลางข้าวของแพง ท่ามกลางน้ำมันแพง ท่ามกลางหนี้เยอะๆ ท่ามกลางเงินเฟ้อ ท่ามกลางปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ท่ามกลาง GDP ที่ถดถอยมันเป็นการอภิปรายฯที่อยู่บนพื้นฐานของปัญหาที่มันกำลังเกิด ฉะนั้นมันจะเป็นการอภิปรายฯ ที่ผมเชื่อว่าอยู่ในความสนใจกันมาก ที่สำคัญเป็นการอภิปรายฯครั้งสุดท้ายของสภาฯ ชุดนี้ เพราะเราอยู่กันจะครบ 4 ปีแล้ว ถ้าอภิปรายฯ ครั้งนี้จบแล้วในสภาฯ ชุดนี้ ไม่มีอภิปรายอีกแล้ว ก็ต้องไปรอเลือกตั้งใหม่มีสภาชุดใหม่” นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า ด้วยสองเหตุผลนี้เป็นการอภิปรายอยู่ท่ามกลางวิกฤติ และเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย ตนเชื่อว่าจะต้องเป็นการอภิปรายที่ถือว่าต้องติดตามและอย่าประมาท ผู้ที่ถูกอภิปรายครั้งนี้ต้องทำการบ้านให้พร้อม เพราะว่าถ้าเป็นเทนนิสเที่ยวนี้ก็คือศึก Grand Slam แกรนด์สแลม เป็นศึกใหญ่ และควรจะได้ประโยชน์จากการอภิปราย เพราะเป็นการอภิปรายท่ามกลางปัญหาของประเทศ ฉะนั้นคนที่เขาทำงานจะได้มีโอกาสที่จะบอกว่าผมทำอะไรไปแล้วบ้าง แต่ขณะเดียวกันบ้างเรื่องที่ยังไม่ได้ทำหรือบางเรื่องที่ทำไม่ดี ฝ่ายค้านมีสิทธิที่จะบอก ฉะนั้น ทั้งสองฝ่ายจะได้ข้อมูล รัฐบาลก็จะบอกสิ่งที่ตนเองทำ ฝ่ายค้านก็ได้บอกในสิ่งที่เห็นว่ายังไม่ได้ทำหรือทำไม่ดี ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสที่จะได้คำตอบด้วยกันทั้งคู่

“ผมเชื่อว่าจะเป็นการอภิปรายที่มีผู้คนติดตามกันมาก แต่ก็ต้องทำการบ้านกันเต็มที่ ต้องอย่าประมาท รัฐบาลเองก็ต้องดูแลเรื่องเสถียรภาพให้พร้อมและดูแลเรื่องคำตอบให้ชัดเจน ฝ่ายค้านก็ต้องทำการบ้านของเขาเต็มที่ แต่จะอย่าไรก็แล้วแต่ก็ถือว่าเป็นกลไกที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ทุกคนทำตามหน้าที่กันตามรัฐธรรมนูญ ตนเองก็ขอเอาใจช่วยให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี” นายสุวัจน์ กล่าว

ส่วนที่พรรครัฐบาลตั้งทีมองค์รักษ์พิทักษ์ปรามมาร โดยกลุ่ม ส.ส.หน้าใหม่นั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า เป็นเทคนิคของการอภิปรายไม่ซีเรียสอะไร ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องมีทีมอย่างนี้เป็นกลไกอย่างหนึ่งของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนจะมีการปรับ ครม.หลังอภิปรายฯ นั้น คิดว่าปกติเวลามีการอภิปรายฯ บางทีถ้าผลของการอภิปรายมีน้ำหนักและมีความน่าเชื่อถืออาจจะนำไปสู่การปรับ ครม. บางทีต้องพูดกันตรงๆ ว่า การอภิปรายมันมีน้ำหนัก มันมีเหตุมีผล บางทีต้องเสียสละกันบ้าง ฉะนั้นบางทีการอภิปรายอาจจะนำไปสู่เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างซึ่งก็เคยมีมาตลอด แต่ถ้าการอภิปรายฯ เที่ยวนี้ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะคว่ำหวอดการเมืองถ้าจบการอภิปรายฯรัฐบาลอยู่ครบ 4 ปีเต็มหรือไม่ นายสุวัจน์ตอบว่า เอาอย่างนี้ ไม่มีศึกหนักแล้ว แกรนด์สแลมผ่านพ้นไปแล้ว ก็ดูเรื่องการเป็นเจ้าภาพเอเปคให้ดีที่สุด เพราะเป็นโอกาสทองของประเทศไทยการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้มีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่แค่กระตุ้น แต่ฟื้นฟูเลย ถ้าสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับเขา เมื่อเห็นสภาพข้อเท็จจริงและบรรยากาศการเมืองบ้านเราราบรื่นและเห็นบรรยากาศต่างๆของเมืองไทยและมีคามมั่นใจมาลงทุน มาท่องเที่ยว อันนี้คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นโอกาสทองท่ามกลางวิกฤติ มีโอกาสแล้ว โอกาสเที่ยวนี้เมื่อโควิดคลี่คลายการจะเป็นเจ้าภาพเอเปค ตนว่าเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ให้ทุกประเทศที่มาประชุมประทับใจและเชื่อมั่นกับเมืองไทย

เมื่อถามว่า วันของการลงมติอภิปรายครั้งสุดท้ายของสภาจะมีงูเห่าหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า งูเห่ามักจะปรากฏ แต่ตอนนี้ยังไม่ค่อยปรากฏตัว งูเห่าต้องมากับสถานการณ์ แต่ตนไม่ทราบว่าจะมีหรือไม่มี ประเมินไม่ได้ ตนว่าพื้นๆ เราก็เอากันด้วยเนื้อหาก่อนดีกว่า ขอให้เนื้อหาเราตอบได้ ขอให้เนื้อหาเราชี้แจงได้ถ้าสองอย่างนี้เราตอบได้ตนว่าพื้นฐานของเสถียรภาพของรัฐบาลเพียงพอ ไม่ต้องไปพึ่งอะไรนอกระบบ ทุกอย่างเอามากองบนโต๊ะ ใสสะอาด ดีที่สุด ตอบคำถามด้วยความภาคภูมิใจ ด้วยมาตรการ ด้วยประสิทธิภาพด้วยผลงาน

เมื่อถามถึงหลายฝ่ายจับตาการอภิปรายฯ นี้ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามสไตล์จะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ดุดัน ตึงเครียด นายสุวัจน์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีจะ 8 ปีแล้ว คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีมา 7-8 ปี ตนว่าท่านเข้าใจหมดทุกเรื่อง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง.