สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหราชอาณาจักร ( เดอะ เมต ) รายงานการวัดอุณหภูมิที่หมู่บ้านโคนิงสบีย์ ในมณฑลลิงคอล์นเชอร์ ทางตะวันออกของเกาะอังกฤษ ได้ 40.3 องศาเซลเซียส เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่สหราชอาณาจักรมีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส

แผ่นป้ายเตือนห้ามก่อไฟและปิ้งบาร์บีคิว ที่มณฑลดาร์บิเชอร์ ทางตอนกลางของเกาะอังกฤษ


ขณะที่พื้นที่อย่างน้อย 34 แห่งทั่วสหราชอาณาจักร มีอุณหภูมิสูงกว่า 38.7 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของเมื่อปี 2562 นอกจากนี้ มีรายงานการเกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ของประเทศถึงขั้นที่สำนักงานดับเพลิงประจำเมืองใหญ่หลายแห่ง รวมถึงกรุงลอนดอน ต้องออกประกาศห้ามประชาชนปิ้งบาร์บีคิว และการก่อไฟ เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงการเกิดอัคคีภัย


ด้านกระทรวงสาธารณสุขของโปรตุเกสรายงานผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของคลื่นความร้อนในช่วงฤดูร้อนปีนี้ สะสมอย่างน้อย 1,063 ราย จนถึงวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ทั้งนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโปรตุเกสสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงกำลังต่อสู้กับไฟป่าหลายสิบแห่งทั่วประเทศ

เจ้าหน้าที่ของสเปนเร่งดับไฟป่า ที่เมืองฟารามอนตานอส เดอ ตาบารา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ


ส่วนฝรั่งเศสซึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่งที่กำลังเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัด ยังคงพยายามควบคุมไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี ในภูมิภาคฌีรงด์ ที่อยู่ทางตะวันออกของประเทศ สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่มากกว่า 19,300 เฮกตาร์ ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา และประชาชนมากกว่า 34,000 คนต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม ไฟป่าในฝรั่งเศสครั้งนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เมื่อสื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่าตำรวจจับกุมชายคนหนึ่ง ต้องสงสัยวางเพลิงให้เกิดไฟป่า.

เครดิตภาพ : REUTERS