เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับสองแสนบาท น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กรณีเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันนั้น ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 101 (13) บัญญัติไว้ว่า “สมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลงเมื่อต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แม้จะมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษหรือความผิดฐานหมิ่นประมาท” นั้น ซึ่งในปัจจุบันศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง มีชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ อีก 1 ชั้น ซึ่ง น.ส.ธณิกานต์ สามารถยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ได้ภายใน 30 วัน นับแต่มีคำพิพากษา โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะคัดเลือกผู้พิพากษาศาลฎีกาอีก 9 คน ที่ไม่เคยตัดสินคดีนั้นมาก่อน เท่ากับว่าคดีนี้หากมีการขึ้นไปถึงชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด เเต่หาก น.ส.ธณิกานต์ ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ ภายใน 30 วัน สมาชิกสภาพ ส.ส.จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 101 (13)

อย่างไรก็ตามมูลเหตุคดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขอให้วินิจฉัย ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 87 ตามคดีหมายเลขดำที่ คมจ. 2/2564 ซึ่งอยู่ในระหว่างที่ศาลฎีกานัดพร้อมในวันที่ 16 ส.ค. นี้ เวลา 09.00 น. เพื่อรอฟังผลคดีนี้