เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.พุฒิเดช  บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้เข้าดำเนินการตรวจสอบบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ประกอบกิจการเหมืองขุดเงินตระกูลดิจิตัล หลังพบความผิดปกติในการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ พบว่ามีอย่างน้อย 10 บริษัท ที่มีการเผยแพร่ข่าวสารหรือการให้ข้อมูลต่อประชาชนผ่านสำนักข่าวต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาของหลักทรัพย์อย่างผิดปกติจากสภาพของตลาด หรือเป็นการ “ปั่นหุ้น” ทั้งในทางราคาขึ้น ราคาลง หรือราคาคงตัว โดยไม่ปรากฏการพัฒนาที่สำคัญของบริษัทจดทะเบียนแต่อย่างใด

“การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับหลักทรัพย์ หากบริษัทจดทะเบียนฝ่าฝืนข้อบัญญัติของกฎหมาย ย่อมเป็นความผิดตามบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และตาม พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดยทาง บก.ปอศ. ได้ประสานงานส่งข้อมูลทั้ง 10 บริษัทให้กับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการสืบสวน และตรวจสอบการกระทำผิดกรณีดังกล่าวแล้ว หากพบว่าเป็นความผิดตามที่ ปอศ. ตรวจสอบพบ ก.ล.ต. ก็สามารถเข้าร้องทุกข์กับตำรวจ เพื่อจัดการกับบริษัทที่อาจจะเรียกได้ว่า “เหมืองทิพย์” หรือไม่มีการทำเหมืองจริงตามที่กล่าวอ้าง นี้ได้ทันที” พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าว

พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงปีที่ผ่านมา กระแสการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก มูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงหลักหลายร้อยล้านบาท พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) จีงสั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบ จนพบว่าเกิดการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล อาทิ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ต้องได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ตามบทบัญญัติแห่ง พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.256

พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวด้วยว่า ต่อมาตนจึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.จักรกริช  เสริบุตร ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผกก.3 บก.ปอศ.) และ พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ สารวัตร กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (สว.กก.3 บก.ปอศ) ตรวจสอบในเชิงลึก พบอีกว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ทำให้ บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้นหลายบริษัทได้ประกาศแผนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เบื้องต้นพบว่ามีจำนวนประมาณ 25 บริษัท โดยมีรูปแบบแผนธุรกิจแตกต่างกันในรายละเอียด รูปแบบส่วนใหญ่ คือ การลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ (Bitcoin Mining) โดย บจ. ต่างๆ ได้ทยอยจัดซื้อเครื่องขุดสกุลเงินดิจิทัล (คริปโทเคอร์เรนซี) และอาจจะเป็นกระแสที่กระตุ้นราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนเหล่านั้นทำการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งที่ในทางตรงกันข้าม นับตั้งแต่ต้นปี 2564 ถึงปัจจุบัน ยังไม่มีบริษัทจดทะเบียนใด มีรายได้จากการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม

“ในกรณีเมื่อพบว่าเป็นการกระทำความผิดว่าปั่นหุ้น หรือไม่มีเหมืองขุดเงินดิจิทัลอยู่จริงตามที่บริษัทโฆษณาไว้ ก็อาจจะมีผลกระทบในวงกว้างต่อประชาชนและสังคม ทาง บก.ปอศ. และ ก.ล.ต. จึงมีการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อกัน โดยการร่วมมือกันของทั้งสองหน่วยงาน จะทำให้กระบวนการสืบสวนและตรวจสอบมีความรวดเร็วและลดขั้นตอนของกระบวนการสืบหาพยานหลักฐาน ทำให้การบังคับใช้กฎหมายในตลาดทุนมีประสิทธิภาพและเห็นผลอย่างรวดเร็ว เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดกับนักลงทุนในตลาดทุนโดยรวม” ผบก.ปอศ กล่าว.