เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึกคืนวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ร.ต.ท.หญิง มนัสนันท์ บุรีภักดี พนักงาน (สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งเหตุรถกระบะชนจักรยานยนต์ เสียหลักชนรั้วชาวบ้าน มีผู้บาดเจ็บ ริมถนนในหมู่บ้านบ้านหัวโพน ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครพนม จึงประสานกู้ภัยศรีสัตตนาคราชนครพนม รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ อีซูซุ ตอนเดียว สีขาว ทะเบียน สระแก้ว สภาพพังเสียหายชนกับรถจักรยานยนต์ สีดำ ทะเบียน นครพนม และรั้วบ้านชาวบ้านพังเสียหาย ผู้บาดเจ็บ 2 ราย เป็นเยาวชนอายุ 16 ปี โดยรายแรกบาดเจ็บขาขวาหักผิดรูป มีแผลถลอกตามตัว อีกรายมีบาดแผลคิ้วซ้าย และแผลถลอกตามตัวไม่สามารถขยับตัวได้จึงนำส่งรักษาที่ รพ.นครพนม ส่วนรถกระบะ มีนายมลเทียน (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี คนขับ ยืนรอพบเจ้าหน้าที่อยู่ และที่เกิดเหตุยังพบมีดสปาต้า มีดขอด้ามยาว ดาบซามูไร และระเบิดปิงปอง ตกอยู่จำนวนหนึ่ง จึงบันทึกและเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนเบื้องต้น นายมลเทียน ให้การว่า เป็นคนขับรถกระบะ เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ผู้บาดเจ็บจริง โดยก่อนเกิดเหตุน้องชายตน เลิกงานจากในเมืองแล้วขี่รถจักรยายนต์กลับบ้านเมื่อมาถึงบริเวณโค้งคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ม.นครพนม มีวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ประมาณ 20 คน ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมากว่า 10 กว่าคัน พร้อมเงื้อง่ามีดดาบและมีดอีกหลายชนิดขี่ไล่ทำร้ายน้องตน แต่หลบหนีรอดมาได้ แล้วเข้าบ้านมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง จึงชวนน้องขับรถกระบะออกมาตามหากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว เพราะอยากรู้ว่าเป็นกลุ่มไหน กระทั่งไปเจอกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวอยู่ปากทางเข้าบ้านหัวโพน ระหว่างนั้นกลุ่มวัยรุ่นได้เห็นน้องชายตนก็ขี่รถจักรยานยนต์ตรงเข้ามาจะทำร้ายทันที จึงเร่งเครื่องรถหนี แต่วัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวขี่ไล่มาทันพร้อมใช้มีดฟัน ขว้างระเบิดปิงปอง และระเบิดขวดใส่รถ ตนเห็นจวนตัวจึงชนจักรยานยนต์คันหนึ่งเสียหลักพุ่งเข้าชนเสาหน้าบ้านและกำแพงบ้าน มีผู้บาดเจ็บดังกล่าว ส่วนพวกที่เหลือตกใจขี่หลบหนีไป จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

จากคำให้การตรงกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มีกลุ่มวัยรุ่นขี่จักรยานยนต์รวมตัวกันก่อเหตุหลายครั้ง ล่าสุดก่อเหตุไล่ฟันวัยรุ่นที่ขี่จักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บบริเวณร้านข้าวปุ้นตาหมาย ตามที่เป็นข่าวเมื่อเดือนที่แล้ว และกลับมาก่อเหตุซ้ำอีกโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงวิทยุสกัดจับจนสามารถจับกุมแก๊งวัยรุ่นได้ส่วนหนึ่ง จากนั้นเชิญตัว นายมลเทียน และน้องชายไปสอบสวนเพิ่มเติม และจะตรวจสอบวงจรปิดตามจุด และเส้นทางรวบรวมหลักฐาน และอายัดตัวผู้บาดเจ็บไว้สอบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.