ปธ.ชมรม Storng สุราษฎร์ฯ เครือข่ายภาคประชาสังคม พอใจผู้ว่าฯ ยกเลิกสัญญาก่อสร้างตึกผู้ป่วยนอกทิ้งร้าง 7 ปี ขอบคุณเดลินิวส์กล้าขุดคุ้ยตีแผ่ความจริง ขอถอดบทเรียนครั้งนี้ หาทางป้องกันซ้ำรอย ยันมีอีกหลายโครงการส่อแบบเดียวกัน ทั้งล่าช้า ใช้ประโยชน์ไม่ได้ ผลาญงบจากภาษี เอกชนวอนดีใจอุตส่าห์ระทมทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้แล้ว รอสร้างจนเสร็จก็ใช้ได้ทันที แนะเฟ้นหาผู้รับเหมารายใหม่ควรระมัดระวัง ควบคุมงานให้เคร่งครัดกว่าเดิม

เครือข่ายภาคประชาสังคมสุราษฎร์ธานี ขอบคุณเดลินิวส์ตีแผ่ความจริงให้สาธารณชนรับรู้ เป็นเรื่องดีที่ผู้ว่าฯ เลิกสัญญาก่อสร้างตึกผู้ป่วยนอกทิ้งร้าง 7 ปี ยันถอดบทเรียนเป็นแนวทางป้องกันซ้ำรอยเดิม ปูดยังมีอีกหลายโครงการทั้งล่าช้า ใช้ประโยชน์ไม่ได้ ผลาญงบจากภาษีคนไทย ขณะที่เอกชนดีใจ เผยเคยระทมทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้ไปแล้ว รอสร้างอาคารเสร็จจัดซื้อบริการ ปชช.ได้ทันที ย้ำหาตัวผู้รับเหมารายใหม่มาสานต่อควรระวัง คุมงานเคร่งครัดมากขึ้น

ความคืบหน้ากรณีทีมข่าว “เดลินิวส์” เกาะติดเรื่องราวพิรุธโครงการก่อสร้างหลายๆแห่งอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่อควาเรียมหอยสังข์ จ.สงขลา จนมาถึงโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก (ตึก 9 ชั้น) รพ.สุราษฎร์ธานี ที่บริษัทรับเหมาทิ้งงาน ผลาญงบประมาณ 523 ล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์ จนกระทั่ง ผวจ.สุราษฎร์ธานี ลงนามยกเลิกสัญญาก่อสร้างและสั่งให้สำรวจประเมินมูลค่าความเสียหาย เตรียมดำเนินการฟ้องร้องให้ชดใช้งบประมาณ ขณะที่ยังพบทิ้งงานอีก 2 แห่งที่ รพ.เกาะสมุย และ รพ.ไชยา ตามที่เสนอไปแล้วนั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายสมบูรณ์ หมื่นระย้า ประธานชมรม Strong สุราษฎร์ธานี เครือข่ายภาคประชาสังคม องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การยกเลิกสัญญาก่อสร้างตึกผู้ป่วยนอก รพ.สุราษฎร์ธานี ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง หากจะให้การก่อสร้างเดินต่อไปได้ และนั้นหมายถึงว่าในอนาคตข้างหน้านี้ประชาชนชาว จ.สุราษฎร์ธานี และจังหวัดใกล้เคียงจะได้รับบริการจากภาครัฐอย่างมีคุณภาพ ขอขอบคุณหนังสือพิมพ์เดลินิวส์เป็นอย่างมากที่ช่วยตีแผ่และเปิดเผยความจริงให้สังคมได้รับรู้ และนำกรณีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของรัฐเช่นนี้ไปเป็นบทเรียน และหาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต เพราะในปัจจุบันยังมีโครงการก่อสร้างของภาครัฐที่ใช้งบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนทิ้งร้างสร้างไม่เสร็จ ก่อสร้างล่าช้า สร้างแล้วไม่ใช้ประโยชน์ ไม่สามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์เป็นจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้เป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชนทั้งสิ้น

นายสมบูรณ์ กล่าวด้วยว่า แม้ในโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกของ รพ.สุราษฎร์ธานี จะยังไม่พบความผิดปกติเกี่ยวกับการทุจริต แต่ทำให้เราเห็นว่า ภาครัฐยังขาดความเอาใจใส่ในการกำกับดูแล การใช้งบประมาณแผ่นดินในทางที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากการทำงานของภาครัฐไม่อ่อนแอเมื่อพบความผิดปกติของโครงการแล้วแก้ปัญหาทันทีก็จะทำให้การใช้ภาษีของประชาชนคุ้มค่า เราซึ่งเป็นภาคประชาชนเองก็ต้องมีความเข้มแข็งในการสอดส่องดูแลเพื่อผลประโยชน์ของตัวเราและประเทศชาติ

ขณะที่ นายประกิต ประสิทธิศุภผล ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท เพชรศรีวิชัย จำกัด ในฐานะภาคเอกชนที่ร่วมระดมทุนเพื่อจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ รองรับการก่อสร้างตึกผู้ป่วยนอก รพ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2560 หลังโครงการได้รับารอนุมัติงบประมาณการก่อสร้างแต่ขาดงบประมาณในการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ แสดงทรรศนะว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่โครงการก่อสร้างจะได้เดินหน้าต่อ เพราะเป็นโครงการที่พวกเราชาวสุราษฎร์ฯ ต้องรอคอยมานานกว่า 6 ปีแล้ว เพราะแผนเดิมตึกจะสร้างแล้วเสร็จในปี 2562 ตนในฐานะนักธุรกิจในพื้นที่ จึงจัดกิจกรรมระดมทุน จนได้รับเงินบริจาคกว่า 95 ล้านบาท โดยหวังว่าหลังการก่อสร้างตึก รพ.สุราษฎร์ธานี จะสามารถนำเงินบริจาคไปจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์และเปิดให้บริการประชาชนได้ทันทีโดยไม่ต้องรองบประมาณจากภาครัฐ

“ในการสรรหาผู้รับจ้างรายใหม่ ส่วนตัวอยากให้ผู้เกี่ยวดำเนินการด้วยความระมัดระวัง รวมถึงควบคุมการทำงานตามสัญญาให้เคร่งครัด เพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะนั้นหมายถึงผลประโยชน์ของประชาชนที่จะได้รับในอนาคต และต้องขอบคุณ “เดลินิวส์” ที่ช่วยติดตามและเสนอข่าวจนมีความความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหา ให้ประชาชนเจ้าของภาษีได้รับทราบ” นายประกิต กล่าว.