เมื่อวันที่ 6 เม.ย. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยผลการจับกุมตัวจับกุมตัว นายปิ๋ว (สงวนนามสกุล) หรือป๋าตือ อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของคณะเชิดสิงโตย่านดินแดง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1210/2567 ลงวันที่ 22 มี.ค. 67 ในข้อกล่าวหาว่า “พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร , กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี , กระทำชำเราแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี และพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร”จับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 810 หมู่บ้านการเคหะ ซ.นวมินทร์45 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.

พฤติการณ์กล่าวคือ ขณะนั้น ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 8 ปี พักอาศัยอยู่กับแม่กันสองคน โดยต่อมาแม่ได้เริ่มคบหากับแฟนใหม่ ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ต้องหา และมักจะเดินทางไปมาหาสู่ที่บ้านย่านดินแดง กทม. อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทุกครั้งแม่ก็จะพา ด.ญ.เอ ไปอยู่ด้วย โดยในบ้านหลังดังกล่าว ประกอบด้วย ผู้ต้องหา คือป๋าตือ ภรรยาของป๋าตือ และลูกชายซึ่งเป็นแฟนของแม่ ด.ญ.เอ

โดยเหตุการเริ่มจากแม่และแฟนได้ออกไปข้างนอกบ้าน ภายในบ้านเหลือเพียง ด.ญ.เอ กับป๋าตือวัย 70 ปี ต่อมา ผู้ต้องหา ได้ชักชวน ด.ญ.เอ ลงจากบ้านเพื่อไปซื้อขนม แต่เมื่อถึงบ้านชั้นล่างกลับถูกพาไปในห้องครัวก่อนจะจับถอดเสื้อผ้าแล้วลงมือข่มขืน ขณะที่ ด.ญ.เอ ไม่กล้าขัดขืนเพราะผู้ต้องหาได้หยิบมีดในห้องครัวมาข่มขู่ว่าหากบอกใครจะถูกฆ่า ซึ่งหลังจากวันนั้น ด.ญ.เอ ถูกผู้ต้องหาข่มขืนหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 61 จนกระทั้งถึงปี 66 เรื่อยมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ตั้งแต่อายุ 8 ปี จนถึงปัจจุบันเธออายุ 13 ปี ไม่กล้าบอกใครเพราะคำขู่ฆ่า ต่อมาแม่ทราบเรื่องจึงพา ด.ญ.เอ เข้าแจ้งความดำเนินคดีก่อนจะหอบข้าวของทิ้งทุกสิ่งอย่างออกจากบ้านฝ่ายชายในทันที ส่วนป๋าตือ ผู้ต้องหา ถูกออกหมายจับ แต่เจ้าตัวไหวตัวทันหลบหนีไป กระทั่งสามารถจับกุมได้ในที่สุด

สอบสวนผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนเป็นคนกรุงเทพฯ โดยอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าใกล้ศาลเจ้า ย่านดินแดง กทม. และเปิดคณะเชิดสิงโต และรับเล่นตามงานทั่วไป ต่อมาลูกชายของตนได้รู้จักกับ น.ส.บี (นามสมมติ) ซึ่งเป็นนักแสดงในคณะ และเป็นมารดาของผู้เสียหาย และตกลงใช้ชีวิตกันฉันสามีภรรยา โดยที่ น.ส.บี ได้พา ด.ญ.เอ ซึ่งเป็นลูกสาว มาอาศัยอยู่ด้วยที่บ้านเช่าย่านดินแดง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ฝึกงานแสดงของคณะและใช้เป็นบ้านพักอาศัยของคนในครอบครัวของตน

ทำให้ตนได้รู้จักกับ ด.ญ.เอ จนกระทั่งเกิดเรื่องที่ตนถูกกล่าวหาว่า ข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.เอ ตนได้ทราบจากคนรู้จักว่าถูกออกหมายจับคดีอนาจารเด็ก จำเป็นต้องหนีเนื่องจากกลัวความผิด เรื่องทางคดีตนเองถูกแม่ของเด็กแบล็กเมล์ เพราะแม่ของเด็กนั้นชอบให้ลูกของตัวเองไปอยู่ใกล้ผู้ชายแล้วไปเรียกเงินจากเขา ส่วนที่ต้องหนีนั้นเพราะทราบว่าตนเองถูกแจ้งความและถูกออกหมายจับ ตนก็เลยหนีมาแอบที่เซฟลับที่ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งญาติสนิทของตนเอง โดยจะตั้งหลักเพื่อรอเคลียกับทางฝ่ายแม่ของเด็กให้ถอนแจ้งความ

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนร้าย ถึงแม้คนร้ายเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือในวงคณะเชิดสิงโต ไม่มีเหตุผลใดที่เด็กสาวผู้เสียหายจะต้องโกหก อีกทั้งมีพยานหลักฐานอื่นๆยืนยันถึงการกระทำผิดของคนร้าย จึงนับว่าน่าหดหู่ใจอย่างยิ่งที่สถานที่ปลอดภัยที่สุดของเด็กๆ กลับกลายเป็น “นรกบนดิน” ที่สร้างสมฟูมฟักบาดแผลหยั่งลึกลงในใจของเด็กน้อยไปนานแสนนาน ขออวยพรให้น้องผู้เสียหายมีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต และขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้สอดส่องพฤติกรรมของบุตรหลานท่าน อย่าได้นิ่งดูดายเพราะพวกเขาอาจจะประสบอยู่กับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้อยู่ก็เป็นได้ และหากทราบเบาะแสโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.