นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กรณีการพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน (แท็กซี่มอเตอร์) ที่ผ่านมา มีข้อร้องเรียนจากผู้ขับแท็กซี่ได้ยื่นเรื่องถึงกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เบื้องต้น ได้รับทราบจาก ขบ. ว่าได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากเวทีสาธารณะ โดยมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น สภาคุ้มครองผู้บริโภค นักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งสาธารณะ และองค์การนอกภาครัฐ (เอ็นจีโอ) เป็นต้น ซึ่งได้ข้อสรุปว่าทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกัน ให้พิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่เนื่องจากดัชนีผู้บริโภค (ซีพีไอ) เพิ่มขึ้น 7% จาก 5 ปีก่อน หรือตั้งแต่ปี 2560
ดังนั้นตนได้มอบหมายให้ ขบ. พิจารณาตัวเลขการปรับอัตราค่าโดยสารดังกล่าว หากดัชนีซีพีไอมีการปรับขึ้น ค่าโดยสารก็ต้องเพิ่มขึ้น แต่ถ้าในกรณีดัชนีเคพีไอลดลง อัตราค่าโดยสารก็ต้องปรับตัวลดลงตามด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นของสภาผู้บริโภค มองว่าหากปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้น ต้องมีการปรับปรุงมาตรฐานและคุณภาพในการให้บริการ ซึ่งในมุมของผู้ให้บริการแท็กซี่ในปัจจุบัน ก็ได้มีการปรับปรุงมาตรฐานแล้วเช่นกัน
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนอีก 2 ครั้ง โดยจะจัดขึ้นภายในเดือน ก.ย. และ ต.ค.นี้ ทั้งในรูปแบบเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น และรูปแบบออนไลน์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการพิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารภายในเดือน ธ.ค.65 แต่หากท้ายที่สุด ไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ตนไม่สามารถอนุญาตพิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารได้
นอกจากนี้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีระบบขนส่งมวลชนอีกหลายทางเลือก เช่น เรือ รถไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน ขบ. เริ่มคิกออฟรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (อีวี) ให้บริการแล้วจำนวน 153 คัน เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และตั้งเป้าเปิดให้บริการรถโดยสารไฟฟ้า (รถเมล์อีวี) จำนวน 1,250 คัน ภายในปีนี้ต่อไป ส่วนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) และบริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) อยู่ระหว่างดำเนินการในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน อีกทั้งกระทรวงฯ ได้ตั้งเป้าหมายว่า การให้บริการรถสาธารณะรูปแบบเดิม หรือการให้บริการรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) จะหมดไปภายใน 3 ปี