เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ รร.มีเลียเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประกวดผ้าลายพระราชทานผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา และงานหัตถกรรม ระดับภาค โดยมีนายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด ผู้ประกอบการที่ส่งผลิตภัณฑ์จากผ้าและงานหัตถกรรมเข้าร่วมในงาน โดยได้รับเกียรติจากคณะกรรมการตัดสินการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา” ระดับภาค อาทิ นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทยน.ส.รติรส ภู่วิภาดาวรรธน์ รองประธานกรรมการบริษัท ไอริส 2005 จำกัด นายศิริชัย ทหรานนท์ อาจารย์ศมิสสร สุทธิสังข์ ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ นายนุวัฒน์ พรมจันทึก ช่างต้นแบบสิ่งทอ กรมหม่อนไหม และ ดร.ศรินดา จามรมาน นักวิชาการอิสระ ร่วมพิธี

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า การจัดประกวดผ้าลายพระราชทานผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา และงานหัตถกรรมระดับภาคในปีนี้ ภาพรวมเป็นไปได้ด้วยดี ทุกภูมิภาคมีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ดีที่ทุกคนร่วมกันนำแนวพระดำริของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มาใช้ให้เกิดประโยชน์ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับตนเองและครอบครัว “ผ้าไทย” จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้ต้องพัฒนาจากคนทอผ้าก่อน พระองค์จึงเสด็จลงไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อทรงให้คำแนะนำชี้แนะ ให้แก่กลุ่มทอผ้า รวมถึงการเก็บรวบรวมสูตรการทอผ้า การย้อมสีผ้าของแต่ละพื้นที่ เพื่อส่งต่อไปยังคนรุ่นหลังต่อไป

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของการการย้อมสีผ้านั้น ควรใช้สีธรรมชาติในการย้อม เลิกใช้สีเคมี เนื่องจากสารเคมีที่อยู่ในสีเคมีไม่สามารถสลายตามธรรมชาติได้ ส่งผลทำให้ดิน น้ำ และอากาศเสีย รวมถึงในกระบวนการย้อมก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ย้อมเองด้วย จึงอยากให้ทุกคนร่วมกันรักษาเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ ของท้องถิ่นเอาไว้บนลายผ้า ซึ่งลายผ้าของในแต่ละพื้นที่จะบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละพื้นที่ (Story telling) ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคต “ผ้าไทย” จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ของชาติ เป็นเครื่องหมายของความเป็นชาติ ไม่น้อยไปกว่าภาษา รวมถึงสามารถแสดงเอกลักษณ์ วัฒนธรรม ซึ่งหากทุกคนไม่ช่วยกันสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่ปี 2563 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระปณิธานอันแน่วแน่ในการแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยทรงมุ่งมั่น “สืบสาน รักษา และต่อยอด” ภูมิปัญญาหัตถศิลป์หัตถกรรมผ้าไทย และส่งเสริมให้คนไทยหันมานิยมสวมใส่ผ้าไทย และร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย จึงเป็นที่มาของ “โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือ การพัฒนาให้ช่างทอผ้าและผู้ประกอบการนำเอาผ้าไทย ไปตัดเย็บในรูปแบบที่ทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย ทุกสาขาอาชีพ สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส และเกิดความภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้สวมใส่

“สิ่งที่กระทรวง มท. ดำเนินการอยู่นี้ เกิดขึ้นได้เพราะพระมหากรุณาธิคุณ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงอุทิศทุ่มเทพระวรกาย ในการที่จะช่วยเหลือพสกนิกรชาวไทย ด้วยการส่งเสริมการใช้เวลาว่างนอกเหนือจากการทำการเกษตรมาทอผ้าเพื่อเป็นอาชีพเสริม ซึ่งการทอผ้านั้นถือเป็นศิลปหัตถกรรมที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นสิ่งที่มีคุณค่า ช่วยให้ประชาชนมีรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองได้ และต่อมาได้มีการพัฒนา ต่อยอด​ จนเกิดเป็นมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในปัจจุบัน ซึ่งหลังจากนั้นไปต้นมาแนวทางในการพัฒนาดังกล่าว ได้ช่วยให้พี่น้องประชาชนเกิดรายได้ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี รัฐบาลจึงได้ขับเคลื่อนผ่าน กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวง มท. โดยการเชิญชวนพี่น้องทุกสาขาอาชีพที่มีฝีมือรวมกันจัดตั้งเป็นกลุ่ม OTOP ให้พี่น้องประชาชนเข้ามาที่ส่วนร่วม ซึ่งเป็นภารกิจในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” มีส่วนช่วยทำให้ชุมชนดีขึ้น คนในชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า อยากให้พี่น้องประชาชนกลุ่มทอผ้าและกลุ่มหัตถกรรมต่างๆ ยึดถือในเรื่องการพึ่งพาตนเอง ปลูกฝ้าย ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ปลูกต้นไม้ที่ให้สีธรรมชาติ และให้พัฒนาฝีมือคนในหมู่บ้านชุมชน เป็นหลักการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน ตรงกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และอยากให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ทั้งการออกแบบลวดลายใหม่ๆ การพัฒนาต่อยอดจากงานเดิมให้ดีขึ้น รวมถึงให้ใช้ช่องทางการตลาดทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้ในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้จะยั่งยืนได้ ในแต่ละพื้นที่ควรมีจุดศูนย์กลาง ทั้งที่เป็นสถานที่ผลิต โรงเรียน โรงงาน สถานที่จำหน่ายสินค้าแต่จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความพอเพียง พอประมาณ ดังตัวอย่างที่บ้านดอนกอย จังหวัดนครพนม

ขณะที่ นายนิวัติ น้อยผาง รองอธิบดี พช. กล่าวว่า พช. ได้ดำเนินโครงการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา” ประกอบด้วย 3 กิจกรรมคือ กิจกรรมที่ 1 ประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา” และงานหัตถกรรม ระดับภาค กิจกรรมที่ 2 บันทึกและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานผ้าและงานหัตถกรรมที่ได้รับการคัดเลือก และกิจกรรมที่ 3 ติดตามสนับสนุนผู้ประกอบการผ้าไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เรื่องการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย และเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ด้านการออกแบบเครื่องแต่งกาย สิ่งทอและการอนุรักษ์ผ้าไทย ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ผ่านการคัดเลือกผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา” และงานหัตถกรรม จากพื้นที่ 4 ภูมิภาค ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จำนวน 150 ผืน/ชิ้น จะทำให้ผ้าไทยและงานหัตถกรรมเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

นายนิวัติ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา” และงานหัตถกรรม ระดับภาค พช. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตัดสินการประกวด ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย และดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินฯ ในครั้งนี้ด้วย“ โครงการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา” ได้เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.-19 ส.ค. 2565 ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอทั่วประเทศ โดยกำหนดดำเนินการกิจกรรมประกวดผ้าลายพระราชทาน และงานหัตถกรรม ระดับภาค 4 จุดดำเนินการ ใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ จุดดำเนินการที่ 1 ภาคใต้ จ.สงขลา มีผู้สมัครส่งผ้าเข้าประกวด ประเภทผ้า จำนวน 56 ผืน ประเภทงานหัตถกรรม จำนวน 27 ชิ้น จุดดำเนินการที่ 2 ภาคกลาง จ.ชัยนาท มีผู้สมัครส่งผ้าเข้าประกวด ประเภทผ้า จำนวน 33 ผืน ประเภทงานหัตถกรรม จำนวน 23 ชิ้น

นายนิวัติ กล่าวต่อว่า จุดดำเนินการที่ 3 ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ มีผู้สมัครส่งผ้าเข้าประกวดประเภทผ้า จำนวน 85 ผืน ประเภทงานหัตถกรรม จำนวน 18 ชิ้น และจุดดำเนินการที่ 4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 ก.ย. 2565 จ.อุดรธานี มีผู้สมัครส่งผ้าเข้าประกวด ประเภทผ้า จำนวน 1,932 ผืน ประเภทงานหัตถกรรม จำนวน 69 ชิ้น โดยจะมีการประกวดรอบคัดเลือกในวันที่ 26 ก.ย. 2565 ที่ รร.เซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร เพื่อคัดเลือกผ้าหรืองานหัตถกรรม จำนวน150 ผืน/ชิ้น เพื่อประกวดในรอบ Semi Final และรอบตัดสินในระดับประเทศต่อไป นายนิวัติ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวเสริมว่า การประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา” และงานหัตถกรรม ระดับภาค จะทำให้มีการตื่นตัวในการพัฒนาฝีมือการทอผ้า ทุกเทคนิคของผู้ประกอบการ OTOP และช่างทอผ้าทุกคน ให้มีคุณภาพมีความหลากหลายและมีการประยุกต์รูปแบบลวดลาย สีสันที่ร่วมสมัยสามารถสวมใส่ ได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกโอกาส ตามแนวพระดำริโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา อันจะส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งคุณภาพชีวิตของพี่น้องคนไทยดีอย่างยั่งยืนตามพระราชปณิธานของพระองค์ท่าน.