เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอนครชัยศรี จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พ.ต.อ.ณฐพงศ์ มุกดาหาร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอนครชัยศรี เปิดเผยถึงผลการจับกุม นายถนอมจิตร โสสุด อดีตนักแสดงตัวประกอบ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ข้อหาบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน ใช้กำลังประทุษร้ายและทำร้ายเจ้าทรัพย์ ชิงทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน ทำลายสิ่งกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์สิน ใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดและพาทรัพย์นั้นไปให้พ้นจากการจับกุม และกักขังหน่วงเหนี่ยว โดยจับกุมได้ที่หอพักแห่งหนึ่ง ซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น กรุงเทพฯ ชุดสืบสวนจึงได้ติดตามไปจับกุมตัวมาได้

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ก.ย.65 เวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งเหตุ มีหญิงชรา ถูกคนร้ายใช้ลวดมัดมือไพล่หลัง ใช้ลวดมัดคอ ใช้ผ้าม่านหน้าต่างห่อมัดศีรษะใบหน้าจนแทบหายใจไม่ออก และปล่อยทิ้งไว้ในห้องนอน ชั้น 2 เลขที่ 66/7 หมู่ 1 ต.ท่าตำหนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นอาคารพานิชย์ 2 ชั้น เปิดเป็นร้านขายของชำ ติดกับสำนักงานการเคหะนครชัยศรี พบผู้ได้รับบาดเจ็บ สภาพหายใจรวยริน นอนนิ่งอยู่กับพื้น จึงประสานมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ ช่วยเหลือนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลนครชัยศรี

ทราบต่อมาผู้ได้รับบาดเจ็บชื่อ น.ส.นภาพร แซ่ปีง อายุ 74 ปี เจ้าของบ้าน สอบสวนผู้พบเห็นเหตุการณ์ น้องชายผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ช่วงกลางวัน ตนพยายามติดต่อพี่สาว โทรศัพท์ก็ไม่มีใครรับสาย จนเย็นประมาณ 15.00 น. ตนขับรถมาดูพี่สาวที่บ้าน เห็นประตูล็อกกุญแจ เข้าใจว่าพี่สาวออกไปซื้อของ รอถึงประมาณ 19.00 น. รู้สึกนานผิดปกติ จึงตามเพื่อนบ้านมาช่วยกันเปิดประตูเข้าในบ้าน เห็นข้าวของถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย จึงพยายามหาพี่สาว เข้าไปดูในห้องน้ำ ดูที่ชั้น 2 และก็พบพี่สาว ถูกมัดมือไพล่หลัง มัดคอ มีผ้าห่อปิดหน้าปิดตามือชิด นอนหายแผ่วๆ อยู่กับพื้นในห้องนอน จึงลองเรียกพี่สาวดู มีเสียงตอบคำเดียว อือ ตนรู้ยังมีชีวิตอยู่ จึงโทรฯ แจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ และให้มูลนิธิมาช่วยนำส่งโรงพยาบาล   

หลังเกิดเหตุ ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน ดูภาพจากกล้องวงจรปิด ทราบว่าคนร้าย ทำงานอยู่ร้านจำหน่ายเหล็กแป๊บ เหล็กกล่อง ใกล้ที่เกิดเหตุ จึงได้ตรวจสอบปรากฏว่า หลังก่อเหตุหนีไปอยู่กับภรรยา ที่หอพักในกรุงเทพฯ จึงได้ติดตามไปและจับกุมตัวมาได้

สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากต้องการหาเงินไปใช้หนี้พนัน จึงได้วางแผนก่อเหตุดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ ตนก็เคยมาซื้อบุหรี่และซื้อของอื่นๆ ที่ร้านนี้หลายครั้ง สังเกตเห็นยายขายของอยู่คนเดียว จึงวางแผนมาก่อเหตุ โดยช่วงกลางดึกของวันที่ 4 ก.ย.65 ตนปั่นรถจักรยาน มาจอดที่ข้างสำนักงานการเคหะนครชัยศรี สังเกตไม่เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จึงปีนรั้วไปทางด้านหลัง และปีนขึ้นไปที่ชั้น 2 ร้านค้า ซึ่งปลูกติดกัน แอบซ่อนตัวอยู่บนฝ้าเพดาน ช่วงประมาณตี 1 จึงได้โรยตัวลงมาที่ห้องนอนของยายพรนภา ใช้ลวดผ้าม่าน มัดมือยายไว้ด้านหลัง ใช้ลวดเส้นเดียวกัน มัดคอยาย และใช้ผ้าม่านห่อศีรษะ ปิดหน้าปิดตาไว้ ก่อนจะรื้อค้นทรัพย์สินในร้าน ได้เงินสดไปประมาณ 3 หมื่นบาท บุหรี่ 3 แถว (30 ซอง) ต่างหู กำไร เข็มกลัด และเครื่องประดับอื่นๆ อีกหลายรายการ เงินที่ได้ก็เอาไปใช้หนี้พนัน และกินเที่ยวตามปกติ

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ก่อเหตุเพียงคนเดียว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากผู้เสียหายให้การว่า คนร้าย 2 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องนำผู้ต้องหามาสอบสวนอีกครั้ง เพื่อจับกุมผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้หมด

ในโอกาสนี้ น้องชายของผู้เสียหาย ได้นำกระเช้าดอกไม้มาขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็ว ส่วนทรัพย์สินที่ได้ ส่วนใหญ่ไม่ใช่ของพี่สาว ยกเว้นบุหรี่และไฟแช็ก ซึ่งเป็นของที่ขายอยู่ในร้าน