เมื่อวันที่ 11 ส.ค. พรรคไทยสร้างไทย ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวจากสื่อมวลชนว่า รัฐบาลจะออกพระราชกำหนดจำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีเหตุผลทำนองว่าภายใต้ข้อจำกัดด้านทรัพยากรบุคคลและข้อจำกัดด้านเครื่องมือแพทย์ ทำให้บุคลากรสาธารณสุขและสถานพยาบาลไม่อาจดำเนินการภายใต้มาตรฐานสูงสุดอันอาจทำให้เกิดความเสียหายโดยเหตุสุดวิสัยทำให้เกิดความรับผิดตามกฎหมาย นั้น

พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า หลักการสำคัญที่บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 ส่วนความรับผิดในกรณีละเมิดจะต้องเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตหรือแก่ร่างกายหรือแก่อนามัย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ดังนั้น หากมีข้อจำกัดทางด้านทรัพยากรบุคคลและเครื่องมือแพทย์ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยด้วยโควิด-19 จนเป็นเหตุให้ผู้ป่วยถึงแก่ความตายหรือเสียหายแก่ร่างกาย กรณีดังกล่าวนี้แพทย์หรือพยาบาลไม่ต้องรับผิดในทางอาญา เพราะขาดเจตนาและมิได้ประมาท รวมทั้งไม่ต้องรับผิดในทางแพ่งเป็นส่วนตัวเพราะเป็นเหตุสุดวิสัยมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ

ในทางกลับกัน การออกพระราชกำหนดดังกล่าวนอกจากจะขัดต่อความรับผิดชอบ (accountability) อันเป็นหัวใจสำคัญของหลักธรรมาภิบาลแล้ว การยกเว้นความรับผิดที่เกิดขึ้นแล้วและความรับผิดที่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้าทุกกรณีกลับจะสร้างความไม่เชื่อมั่นให้กับประชาชนที่จะต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล เพราะจะทำให้บุคลากรสาธารณสุขคลายความระมัดระวังในการให้การรักษาพยาบาลกับประชาชนเพราะมีกฎหมายยกเว้นความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว

ความกังวลของบุคลากรสาธารณสุขคือเครื่องยืนยันถึงความผิดพลาดบกพร่องของนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจเต็มตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแต่กลับบริหารสถานการณ์โควิด-19 ล้มเหลว ปล่อยปละละเลยทำให้เกิดการแพร่ระบาดหลายระลอกรวมทั้งบริหารจัดการเกี่ยวกับวัคซีนผิดพลาด จึงเป็นเหตุให้เกิดการติดเชื้อจนล้นระบบสาธารณสุขอันเป็นสาเหตุแห่งความกังวลของบุคลากรสาธารณสุข แต่การออกพระราชกำหนดกลับสร้างผลเสียมากกว่าผลดี
พรรคไทยสร้างไทยจึงขอแสดงความไม่เห็นด้วยกับการออกพระราชกำหนดดังกล่าว พร้อมกับขอให้กำลังใจแด่แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกท่าน

โดยพรรคไทยสร้างไทยขอยืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้าง “นักรบด่านหน้า” ทุกท่าน รวมทั้งจะทุ่มเทให้ความช่วยเหลือกับบุคลากรสาธารณสุข หากท่านถูกดำเนินคดีจากการทำหน้าที่โดยสุจริต.