จากกรณี “แคดดี้สาว” ทราบชื่อคือ น.ส.มาริสา หรือ น้องฝน อินทนาถ อายุ 36 ปี เข้าไปขโมยผงปรุงรสและผงชูรส ในมินิมาร์ท พื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ร้องขอความเมตตา อ้างว่าไม่อยากถูกดำเนินคดีเนื่องจากมีลูกเล็ก 3 คน ต้องคอยเลี้ยงดู ถึงขนาดยกมือไหว้ พนักงานร้านและตำรวจ อีกทั้งยังระบุว่า ต้องการเอาของที่ขโมยไปขายหาเงินไปซื้ออาหารให้ลูกกิน ขณะที่สามีไม่ยอมทำงานแล้วก็เอาแต่ขอเงินไปกินเหล้า สูบบุหรี่ หากไม่ให้ก็จะถูกทำร้าย จนตอนนี้เหลือเงินติดตัวเพียง 80 บาท ลูกทั้งสามต้องทนกินข้าวไข่ต้มมา 3 วัน เกรงว่าต่อไปจะไม่มีใครหาอาหารให้กิน

ต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง สอบสวนคนในครอบครัวของสาวแคดดี้ตามที่กล่าวอ้าง ที่บ้านพักของสามีใน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ทางครอบครัวยืนยันว่า เด็กทั้ง 3 คน ไม่ใช่ลูกของ น.ส.มาริสา เป็นลูกติดของสามี และเพิ่งจะคบกับสามี ได้ไม่นาน และไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว นานครั้งจะมาพักอาศัย บางครั้งจะมีข้าวของเครื่องใช้มาด้วย ซึ่งไม่ทราบว่าไปก่อเหตุขโมยมาหรือซื้อมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 28 ก.ย. ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พนักงานสอบสวน ได้นำตัว น.ส.มาริสา ออกจากห้องควบคุมตัว เพื่อนำตัวไปส่งอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำการสอบสวนตรวจสำนวนพิจารณาคดี ก่อนที่จะส่งศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ดำเนินคดี โดยระหว่างนั้น นายภาณุวัฒน์ กษิดิศ นักสังคมสงเคราะห์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางสอบถามหาข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากที่เดินทางไปสอบสวนข้อเท็จจริงที่บ้านพักแล้ว

นายภาณุวัฒน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ได้ไปสอบสวนหาข้อเท็จจริงกับทางครอบครัวเพื่อให้การช่วยเหลือทางครอบครัวของ น.ส.มาริสา โดยทางครอบครัวปฏิเสธที่จะรับการช่วยเหลือกับทางราชการ ข้อมูลมีทั้งที่เป็นจริงและเท็จ ซึ่งมีผลต่อการสอบสวนทางคดีไม่สามรถเปิดเผยได้ วันนี้มาสอบสวนเพิ่มเติมอีกในบางส่วน ทั้งนี้หลังจาก น.ส.มาริสา ออกจากห้องควบคุม ไม่มีความเคร่งเครียด พร้อมกับยังยังยืนยันว่า เด็กทั้ง 3 คน เป็นลูกของตนเอง พอเกิดเรื่องแบบนี้ มีคนเข้าไปแบบนี้ทางครอบครัวสามีไม่ยอมรับตนเอง และตนเองจะเข้าไปดูแลลูกไม่ได้แล้ว

ด้าน พ.ตอ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า พนักงานสอบสวนรวบรวมพยายานหลักฐานเสร็จครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เตรียมนำตัวส่งอัยการพิจารณาคดี ส่งศาลแขวงพระนครศรีอยุธยาต่อไป ในข้อหาลักทรัพย์ อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท ทั้งนี้ อยู่ที่ดุลพินิจของศาลในการพิจารณาคดีได้เลย หรือนัดสอบสวนไต่สวน และทราบว่าผู้ต้องหาไม่มีญาติมาติดต่อ ไม่มีเงินติดตัว หากศาลสั่งปรับเป็นจำนวนเงินเท่าไร ถ้าผู้ต้องหาไม่มีให้ ก็ต้องถูกควบคุมตัวในห้องขังแทนค่าปรับ วันละ 500 บาท ซึ่งจะคิดนับตั้งแต่วันที่ถูกควบคุมตัวตั้งแต่ถูกจับกุมนับเป็นวันแรก