เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่สถานีกลางบางซื่อ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรม ระหว่างกรมทางหลวง (ทล.) กับสภาวิศวกร และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อบูรณาการความร่วมมือทางวิชาการ และวิชาชีพวิศวกรรมให้ครอบคลุมในทุกมิติด้านงานวิศวกรรม รวมถึงสร้างความมั่นใจในการเดินทางให้แก่ประชาชน

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่อุบัติเหตุคานสะพานกลับรถร่วงหล่นบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ตอนสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน-นาโคก ที่ กม.34+000 บริเวณสะพานกลับใกล้โรงพยาบาลวิภาราม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พังถล่ม เมื่อวันที่ 31 ก.ค.65 อาจสร้างความไม่มั่นใจในการเดินทางของประชาชน กระทรวงคมนาคมจึงให้ความสำคัญกับโครงสร้างของสะพานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทล. ที่มีมากถึงกว่า 17,000 แห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสะพานที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 30 ปี ที่ต้องเร่งตรวจสอบอย่างละเอียด

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า หลังจากนี้กระทรวงคมนาคมจะขยายความร่วมมือไปยังอีก 18 หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงฯ เพิ่มเติมต่อไป พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากสภาวิศกร และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดส่งบุคลากรมาร่วมดำเนินการด้วย ทั้งนี้ถึงแม้ ทล. จะดำเนินการอย่างละเอียดอยู่แล้ว แต่เพื่อให้เป็นการตรวจสอบที่รัดกุม และสร้างความเชื่อมั่นในสายตาประชาคมโลก

นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวถึงผลสอบข้อเท็จจริงอุบัติเหตุคานสะพานกลับรถ บริเวณถนนพระราม 2 พังถล่มว่า ขณะนี้คณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเกิดอุบัติเหตุคานสะพานกลับรถโครงการบูรณะและปรับปรุงสะพานทางหลวงหมายเลข 35 ตอน สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนฝั่งตะวันตก-นาโคก ตอน 2 จ.สมุทรสาคร ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบในรายละเอียด และสอบวินัยเจ้าหน้าที่ 3 ราย ทั้งนี้ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมไม่ได้ละเว้น พยายามติดตาม และเร่งรัดผลการสอบมาตลอด เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้มีการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน แต่ต้องเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก หากเร่งรัดจนเกินไป จะเกิดความไม่รอบคอบได้ และผลสอบอาจจะคลาดเคลื่อนได้

ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดี ทล. กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ทล. จะนำร่องทดสอบสะพานกลับรถบนถนนพระราม 2 จำนวน 16 แห่ง และขยายผลสู่สะพานอื่นๆ ในโครงข่ายทางหลวงทั่วประเทศต่อไป ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 66 (ต.ค.65-ก.ย.66) จะว่าจ้างสถาบันอุดมศึกษาจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ร่วมสำรวจสะพานขนาดใหญ่ จำนวน 1,000 สะพาน อาทิ จุดกลับรถ สะพานข้ามแยก สะพานข้ามทางรถไฟ รวมถึงสะพานที่มีอายุเกิน 30 ปี โดยจะตรวจสอบอย่างละเอียด อาทิ ความแข็งแรงของสะพาน การรับน้ำหนักและชิ้นส่วนของสะพาน ซึ่งคาดว่า จะทราบผลการสำรวจเบื้องต้นภายใน 6 เดือน

นายสราวุธ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 31 ต.ค.-4 พ.ย.65 ทล. จะปิดการจราจรช่องทางหลัก บริเวณสะพานกลับรถบนถนนพระราม 2 ตอนสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน-นาโคก ที่ กม.34+000 บริเวณสะพานกลับใกล้โรงพยาบาลวิภารามเป็นเวลา 5 วัน เพื่อติดตั้งคานสะพานให้กลับมาเหมือนเดิม จากนั้นจะนำรถบรรทุกมาวิ่งทดสอบน้ำหนัก ระยะเวลา 1 สัปดาห์ และจะเปิดให้บริการในวันที่ 11 พ.ย. 2565 สำหรับผลสอบข้อเท็จจริงกรณีคานพังถล่มนั้น ทล. ได้ส่งผลการสอบวินัยเจ้าหน้าที่ 3 ราย ไปยังคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ แล้ว หลังจากนี้กระทรวงคมนาคมจะตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ขึ้นมาสอบวินัย เพื่อพิจารณาผลสอบอีกครั้ง ให้มีความรอบคอบ และเป็นธรรม คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาแล้วเสร็จอีกประมาณ 3 เดือน