จากกรณีเมื่อวันที่ 12 ก.ย. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาพ่อแม่และสาวผู้เสียหายอายุ 16 ปี เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และรอง ผอ.ศพดส.ตร. ว่า เหยื่อถูกหลอกลวงไปค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งให้ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร., ศพดส.ภ.จว.บุรีรัมย์ และ สภ.กระสัง ประสานความร่วมมือไปยังกองกำลังทหารประเทศเมียนมา พบว่ามีขบวนการหลอกลวงเหยื่อไปบังคับค้าประเวณี ชุดปฏิบัติการรวบรวมพยานหลักฐานจึงยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์ และจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย

ล่าสุดวันที่ 3 ต.ค. ที่ห้องประชุมสมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ แถลงข่าวจับกุมขบวนการหลอกลวงผู้เสียหายอายุ 16 ปี ไปบังคับค้าประเวณี ที่ประเทศเมียนมา 3 ราย เป็นหญิงไทยกับสามีชาวเมียนมา แจ้งข้อหา พรากผู้เยาว์, ค้ามนุษย์ และเป็นธุระจัดหา ส่วนอีกรายเป็นหญิงไทย อายุ 23 ปี ที่ไปเป็นเจ้าของร้านคาราโอเกะแฝงขายบริการที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา แจ้งข้อหา จำหน่ายผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากไป, ค้ามนุษย์ และเป็นธุระจัดหา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า พฤติกรรมของขบวนการนี้ ชักชวนเหยื่อผ่านแอพพลิเคชั่น Line และ Facebook ให้ไปทำงานร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมา โดยอ้างว่าจะได้เงินสัปดาห์ละ 50,000 บาท ทำมา 2 เดือนจะมีเงินเก็บ 200,000-400,000 บาท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ สองสามีภรรยาจึงพาเหยื่อลักลอบข้ามชายแดนในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยใช้ช่องทางธรรมชาติ และนำไปส่งให้กับเจ้าของร้าน หลังบ่อนการพนันแจ็คดรากอนไนท์ จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา บังคับให้เหยื่อขายบริการทางเพศ เหยื่อจึงได้บอกพ่อแม่ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ และได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กลับมายังประเทศไทย ทั้งนี้ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ทำมาแล้วประมาณ 6 เดือน โดยจะได้หัวคิวจากการหลอก รายละ 20,000-200,000 บาท

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนจากมูลนิธิปวีณาฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ร่วมกับสหวิชาชีพในการสอบถามข้อมูลจากเหยื่อ และรวบรวมพยานหลักฐานในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดในขบวนการดังกล่าว จนสามารถระบุตัวผู้ต้องหาได้ครบ ทั้งคนหลอกชักชวนเหยื่อ คนลักลอบพาข้ามแดน และเจ้าของร้านคนไทยในประเทศเมียนมา ที่อยู่รับตัวเหยื่อปลายทาง โดยใช้เวลา 2 สัปดาห์ ในการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ซึ่งหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่า เจ้าของร้านตัวจริงที่เป็นคนจีนคือใคร เพื่อทำการออกหมายจับ ประสานอินเตอร์โพลออกหมายแดง หรือ Red Notice และประสานประเทศเมียนมา เพื่อจับกุมต่อไป