เมื่อวันที่ 20 ต.ค. พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ เนื่องจำนงค์ ผกก.สภ.คลองกิ่ว รับแจ้งเหตุหญิงสูงอายุถูกทำร้ายเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 667/3 หมู่ที่ 9 ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจฝ่ายสืบสวน แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลบ้านบึง และอาสากู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง

ที่เกิดเหตุพบศพนางนิยม (สงวนนามสกุล) อายุ 79 ปี ลักษณะนอนคว่ำหน้า มีบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกาย โดยที่หัวไหล่ข้างซ้ายพบบาดแผลถูกของมีคมฟันจนกระดูกโผล่ ส่วนแผ่นหลังมีรอยช้ำเป็นทางยาว และตามลำตัวมีรอยมีดแทงหลายแห่ง ใกล้กันพบจอบขุดดินยาวประมาณ 1.3 เมตร มีคราบเลือดตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายพิพัฒน์พงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี เป็นหลานแท้ๆ ของผู้ตาย ที่อยู่ในสภาพคล้ายคนเมายา พูดจาไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมตัวนำไปสอบสวนต่อที่ สภ.คลองกิ่ว

จากการสอบถามแม่เลี้ยงของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงดังอยู่ข้างบ้าน จึงเปิดผ้าม่านหน้าต่างดู ก็เห็นลูกเลี้ยงซึ่งเป็นหลานของผู้ตาย กำลังตีย่าอย่างบ้าคลั่ง ตนจึงรีบวิ่งออกจากบ้านเพื่อจะมาช่วยเหลือ แต่แฟนของลูกเลี้ยงได้ร้องห้ามบอกว่าอย่าเพิ่งเข้าไป จึงรีบวิ่งย้อนกลับมาในบ้านและโทรศัพท์หาน้องสาวให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลือ จากนั้นก็มีผู้ใหญ่บ้านเข้ามาที่เกิดเหตุ และช่วยกันควบคุมตัวลูกเลี้ยงเอาไว้ได้ ส่วนผู้เป็นย่าพบว่าถูกร้ายจนเสียชีวิต

“ลูกเลี้ยงไม่ได้ทำงานอะไร โดยทุกวันจะขอเงินย่าเป็นประจำ หากวันไหนไม่ได้ก็จะโวยวายและส่งเสียงดังทะเลาะกับย่า และวันนี้ก่อนก่อเหตุ อาจเป็นเพราะย่าไม่ให้เงิน อีกทั้งคาดว่าลูกเลี้ยงน่าจะเสพยาบ้าไปหลายเม็ด จนทำให้ขาดสติและก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งตนเองก็ได้เห็นข่าวแบบนี้ทุกวัน ไม่คิดว่าจะมาเจอกับครอบครัวตัวเอง เห็นแล้วรู้สึกหดหู่ใจ อยากให้หน่วยงานภาครัฐ เอาจริงกับการปราบปรามให้มากกว่านี้” แม่เลี้ยงของผู้ก่อเหตุ กล่าว

ขณะที่นางสาวเอ (นามสมมุติ) แฟนของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า รู้จักกับแฟนหนุ่มมาประมาณ 1 ปี โดยแฟนหนุ่มเพิ่งจะบวชหน้าไฟให้ผู้เป็นพ่อที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ส่วนสาเหตุคาดว่า เกิดจากยาเสพติด ประกอบกับบันดาลโทสะเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ได้จากการจัดงานศพพ่อที่ตายไป ทำให้มีปากมีเสียงกับทางบ้านมาโดยตลอด

เบื้องต้นขณะนี้ผู้ต้องหาพูดจาไม่รู้เรื่อง เชื่อว่าน่าจะมาจากการที่เสพยาเข้าไปเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จะมีการสอบสวนถึงสาเหตุที่แท้แน่ชัดและแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป.